หากพูดถึงจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว หลายๆคนก็คงมีภาพของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมายผุดขึ้นมาในหัว และก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก "บ้านอีต่อง-ปิล็อก" เมืองแห่งหมอกและสายฝน ของอำเภอทองผาภูมินั่นเอง ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบการท่องเที่ยวเอามากๆ จะเรียกว่าเสพติดธรรมชาติและสถานที่ที่สวยงามเลยก็ว่าได้ ซึ่งหลายๆดังๆที่ในกาญจนบุรีผมก็ได้ไปมาเกือบหมด ยังคงเหลือแต่ปิล็อก ที่คนเขาลือกันหนักหนาว่าสวยงาม ยิ่งหน้าฝนยิ่งหมอกหนา ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้มาสักที แบบนี้ก็รอช้าไม่ได้แล้ว เก็บกระเป๋า หยิบกล้องคู่ใจ สตาร์ทรถออกเดินทางกันได้เลย ผมออกเดินทางจากกรุงเทพฯตั้งแต่ตี1 มาถึงนี่ก็7โมงเช้าพอดี มาถึงนี่อากาศหนาวมาก รีบหยิบเสื้อ ถุงมือ หมวก ผ้าพันคอ ที่มีอยู่ออกมาใส่ให้มิดชิดที่สุด ไม่คิดว่าว่าแดดจ้าแบบนี้ แต่ก็จะหนาวได้ขนาดนี้เหมือนหันนะ ฮ่าๆๆ พอมาถึงเห็นหมู่บ้านแล้วร้องว้าวเลย มันคุ้มมากกับการตื่นแหกขี้ตามาตั้งแต่ตี1 และกว่าจะถึงนี่ต้องฝ่าถนนหนทางที่ยากลำบากถึง 399 โค้ง มาถึงก็ไม่ได้พักอะไรกันเลยครับ วิ่งถ่ายรูปรับบรรยากาศกันอย่างเดียว หลังจากที่ได้เดินชมบรรยากาศฟินๆรับลมหนาวแล้ว ท้องก็เริ่มร้องบ่งบอกถึงเวลาที่จะต้องหาข้าวเช้ากินกันสักที แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะหาร้านได้ง่ายๆ ถึงจะมีร้านค้าเปิดเยอะแยะเตรียมพร้อมรับลูกค้าในวันหยุดแบบนี้ แต่ทุกร้านนั้นน่าเข้าน่ากินไปหมด ผมเลยไม่รู้จะเริ่มจากร้านไหนดี และในที่สุดก็มาเจอร้านถึงหลังหมู่บ้าน ที่มีบรรยากาศวินเทจน่าเข้ามา แถมยังมีอาหารเช้าที่ผมอยากกิน นั่นก็คือไข่กระทะ ผมและแฟนเลยไม่รอช้าที่จะเปิดเมนูสั่งอาหารที่วางไว้บนโต๊ะทันที หลังจากได้ทานอาหารเช้าและนมอุ่นๆแล้ว ก็จำได้ว่า แถวๆตลาดมีขนมปังปิ่งเนยน้ำตาลอยู่ น่ากินมาก ซึ่งใครมาที่นี่นั้นไม่ควรพลาดเลย พอกินทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องออกเดินทางต่อแล้ว ซึ่งเป้าหมายต่อไปของผมคืออำเภอสังขละบุรีนี่เอง ปิล็อก อาจเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดประทับใจของใครหลายๆ และรวมถึงผมก็เป็นหนึ่งในนั้น บรรยากาศดีๆ สงบ และผู้คนที่นี่ต่างใจดีกับเรา หาไม่ได้ง่ายๆเลยกับปัจจุบันนี้ เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสผมจะมาเขียนรีวิวที่สังขละบุรีให้ได้อ่านกันแบบนี้อีกนะครับ สำหรับบทความนี้ก็ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านมารับชมกัน ยังไงก็ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ สวัสดีครับ