อาหารจะอร่อยได้ก็ต้องมาจากการที่มีรสชาติกลมกล่อม ทั้งความหวานจากน้ำตาล ความเค็มจากเกลือหรือน้ำปลา ความเปรี้ยวจากมะนาวหรือมะขามและความเผ็ดจากพริก ซึ่งในอดีตการที่จะเก็บพริกไว้ให้ได้นานนั้น ก็ต้องผ่านการถนอมอาหารเสียก่อนหรือพูดง่าย ๆ ก็คือการตากนั้นเอง พริกที่ผ่านการถนอมอาหารด้วยการตากนี้ เราจะเรียกว่า “พริกแห้ง” แต่จะดีกว่าไหม ถ้าพริกนั้นมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้และปลอดสารเคมี พริกที่จะนำมาทำพริกแห้งนี้ เป็นพริกของครอบครัวได้ปลูกเอาไว้กินเองที่หลังบ้าน มีหลากหลายพันธุ์ ทั้งพริกชี้ฟ้า พริกแดงจินดา พริกเม็ดใหญ่ บางวันพริกแก่เยอะมาก จึงต้องเก็บมาตากเอาไว้ เพื่อจะเก็บเอาไว้กินนาน ๆ เริ่มต้นด้วยการไปเด็ดพริกแก่ที่มีสีแดงเข้มจากต้นมาจำนวนหนึ่ง จะเห็นได้ว่าพริกที่ปลูกเองจะไม่ค่อยสวยเหมือนที่ซื้อขายกันในตลาด หรือห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเราไม่ได้ใช้สารเคมีใด ๆ เพียงแค่รดน้ำสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นเราก็นำพริกที่เราได้ไปเด็ดมา มาทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า 2 - 3 รอบ เพื่อขจัดคราบฝุ่น หรือแมลงที่ติดมากับเม็ดของพริก บางบ้านก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป เช่น การนำไปต้ม หรือนึ่งเสียก่อน เพื่อกำจัดสารเคมีตกค้างและทำให้พริกสีสวยขึ้น แต่ที่บ้านผมไม่ได้ทำ เพราะพริกของเราปลอดสาร จึงทำแค่เพียงล้างน้ำเปล่าเท่านั้น เมื่อล้างพริกด้วยน้ำให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว จัดการนำพริกไปใส่ในตะแกรง หรือกระด้ง และนำไปตากไว้ที่มีแดดจัด หรือมีแสงแดดส่องถึง เพื่อที่พริกจะได้แห้งสม่ำเสมอทั่วถึงกัน เมื่อครบเวลา 4 - 5 วัน เราก็จะได้พริกแห้งออกมาหน้าตาแบบนี้ครับ จัดการเด็ดขั้วพริกออก แล้วเก็บพริกใส่ถุง กล่อง หรือบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ เข้าตู้เย็นเพื่อยืดเวลาการเก็บรักษาให้นานยิ่งขึ้น เป็นอันเสร็จ พริกที่ปลูกกินเองในครอบครัว ไม่ใช่ว่าจะได้ในเรื่องของความปลอดภัยอย่างเดียว ยังประหยัดเงินในการซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารอีกด้วย หากใครมีพื้นที่ว่างข้างบ้าน หรือหลังบ้าน ลองทำแปลงเล็ก ๆ ปลูกผักสวนครัว ปลูกพริก แล้วมาทำพริกแห้งแบบผมก็ได้นะครับ ภาพทุกภาพถ่ายโดยผู้เขียน “Mr. Joe”