วันหยุดนี้ เราจะพาเพื่อนๆ ไปนั่งรถไฟ หนีความวุ่นวาย รับลมเย็นๆ ฟินกับธรรมชาติ กันที่ “จังหวัดกาญจนบุรี” กันจ้าเริ่มจากจองตั๋วรถไฟผ่านเว็บไซต์ www.railway.co.th ทริปรถไฟขบวนนำเที่ยวกับการรถไฟแห่งประเทศไทย(เฉพาะวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เราเลือกเดินทางวันที่ 19 ก.พ. 66 (ไป-กลับ) เป็นโบกี้ธรรมดา (พัดลม ชั้น 3) ใน ราคา 120 บาทหรือเพื่อนๆ จะเลือกเป็นโบกี้ ปรับอากาศ ชั้น 2 ก็ได้นะ ราคา 240 บาท**แนะนำจองล่วงหน้า 1-2 อาทิตย์ เพราะเต็มเร็วมากจ้าเราไปถึงสถานีหัวลำโพงก่อนเวลา และขึ้นรถไฟชานชาลาที่ 11 เราได้ที่นั่งหัวขบวนฝั่งขวา ฝั่งนี้ไม่ร้อนนะคะทุกคน รถไฟออกตรงเวลา 6.30 น. พอดี บรรยากาศยามเช้าวันนี้เย็นสบายมากๆ พร้อมลุยแล้วจ้าจุดเช็คอินแรก คือ “สถานีนครปฐม”รถไฟจอด 35 นาที ที่นี่มีตลาดเช้า ผู้คนต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยกันเยอะแยะมากมาย เราแวะทานโจ๊กรองท้องเบาๆ และเดินซื้อขนมไว้ทานบนรถไฟ เดินไปอีกนิดจะเจอ “พระปฐมเจดีย์” องค์ใหญ่ให้เราได้กราบไหว้ แต่ไม่แนะนำให้เข้าไปไหว้ข้างในนะคะ เพราะเวลาอาจจะไม่เพียงพอ เพื่อนๆ อาจตกขบวนรถไฟได้ แนะนำไหว้แค่ข้างนอกพอจ้า เรานั่งรถไฟต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างทางมีเจ้าหน้าที่บรรยายประวัติ ความเป็นมาของสถานที่สำคัญต่างๆ ให้เราฟัง พี่ๆ ใจดีมากเรามุ่งหน้าสู่ จ.กาญจนบุรี เราผ่าน “สถานีรถไฟชุมทางหนองปลาดุก” ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ นั่นก็คือ เป็นจุดเริ่มต้นของ “ทางรถไฟสายมรณะ” นั่งเองจุดเช็คอินที่สอง คือ “สะพานข้ามแม่น้ำแควใหญ่”มีเวลาให้เราถ่ายรูปชิคๆ 25 นาที ที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปกันมากมาย เพราะเป็นสะพานที่สวยที่สุดในเส้นทางสายมรณะ"ทางรถไฟสายมรณะ" นี้ มีประวัติความเป็นมา คือ ทหารญี่ปุ่นสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางผ่านไป ประเทศพม่า ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีความยาวจากหนองปลาดุก ถึงสถานีบูชายัน 415 กิโลเมตร โดยใช้แรงงานเฉลยศึกฝ่ายพันธมิตรและกรรมกรชาวเอเชียที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้างสะพานแห่งนี้ ช่วงนั้นการสร้างสะพานและทางรถไฟลำบากมาก ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนเสียชีวิตลง จนกลายเป็นอนุสรณ์ของโลกที่ถูกจารึกไว้ถึงความโหดร้ายนี้ รู้ประวัติก็ขนลุกขึ้นมาเลยละค่ะเราขึ้นรถไฟเดินทางกันต่อ โชคดีที่เราอยู่หัวขบวน พี่ๆ เปิดประตูให้เราถ่ายรูปวิวหน้าขบวนรถไฟขณะรถไฟกำลังเคลื่อนตัวช้าๆ บนสะพานข้ามแม่น้ำแควใหญ่ ฟินสุดๆ ไปเลยค่ะ จุดไฮไลท์ของที่นี่ คือ เส้นทางรถไฟโค้งยาวตามแม่น้ำแควน้อย เป็นเส้นทางที่แคบที่สุดติดขอบหน้าผา ถ้านั่งฝั่งซ้ายก็จะเห็นวิวแม่น้ำโค้งสวยงาม เราโชคดีมีพี่ๆใจดีให้เราได้เข้าไปยืนถ่ายรูปฝั่งซ้าย สวยมากๆ เลยค่ะขับมาเรื่อยๆ อีกนิดจะเจอก้อนหินใหญ่ ทางด้านหลังจะมี "รูปจำลองโกโบริ" อยู่ อย่าลืมถ่ายเก็บเป็นที่ระลึกกันนะคะ ส่วนทางฝั่งขวาที่เรานั่งจะมี “ถ้ำกระแซ” ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับการสัมผัสหิน ให้เราใช้มือแตะหินที่หน้าผา และแตะที่หน้าผากเรา แล้วขอพร พรนั้นจะสมปรารถนาข้างในถ้ำจะมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ให้สักการะกราบไหว้ขอพรด้วยนะคะ ซึ่งถ้ำนี้เคยเป็นที่พักของเชลยศึก ตอนสร้างเส้นทางรถไฟเส้นนี้อีกด้วย จุดเช็คอินที่สาม “น้ำตกไทรโยคน้อย” จุดมุ่งหมายสุดท้ายของเราเรานั่งรถไฟไปถึงข้างบนน้ำตก มีเวลา 2 ชั่งโมงครึ่ง เราแวะทานข้าวเที่ยงก่อนข้างล่าง และเดินขึ้นไปชมน้ำตกข้างบน “น้ำตกไทยโยคน้อย” หรือ “น้ำตกเขาพัง” เป็นน้ำตกเล็กๆ ที่เกิดจากกระพังทลายของหน้าผาหินปูน เกิดเป็นโขดหินลดหลั่นลงมาอยู่บริเวณเชิงเขา “น้ำตกไทรโยคน้อย” บรรยากาศเย็นสบาย มากๆ มีเด็กๆ และนักท่องเที่ยวมากมาย เล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างสนุกสนาน ข้างล่างน้ำตก เราสามารถหามุมพักผ่อนได้เลยนะ มีเสื่อให้เช่าด้วยจ้า เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง เราเดินขึ้นไป "คาเฟ่โยคน้อย" ใกล้ๆ น้ำตก เป็นโฮมคาเฟ่เล็กๆ ดูอบอุ่น ชาไทยอร่อยรสชาติกลมกล่อม เค้กช็อคโกแลตนุ่ม ละมุนลิ้นมากๆนั่งพักสักครู่ ถึงเวลากลับไปขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้วค่ะจบทริปท่องเที่ยว 1 วัน กับเส้นทางรถไฟสายมรณะ อิ่มใจสุดๆ ไปเลยละค่ะ ได้ชมธรรมชาติ และฟังประวัติความเป็นมาของสถานที่สำคัญต่างๆ ได้ถ่ายรูปสวยๆ มาฝากเพื่อนๆ คุ้มค่าสุดๆ ไปเลยค่ะ หากเพื่อนๆ มีเวลา ลองมาเที่ยวแบบเรากันดูนะคะ เที่ยวแบบประหยัด เพียง 120 บาท ก็ฟินได้จ้าพิกัด : Nam Tok Sai Yok Noiรูปภาพทั้งหมดโดย : ลิ่วลม (ผู้เขียน)อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !