สังขละบุรี เป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเล็ก ๆ ของคนไทยเชื้อสายมอญที่อยู่ติดกับชายแดนพม่า รายล้อมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของขุนเขาและแม่น้ำสายชีวิต ที่เรียกว่า แม่น้ำสายชีวิต เพราะผู้คนที่นี่มีวิถีชีวิตที่ผูกติดกับแม่น้ำตั้งแต่อาชีพชาวประมง จนถึงไกด์นำเที่ยวทางน้ำโดยเรือยาว ซึ่งจะพาเรานั่งเรือยาวไปชมสถานที่ต่าง ๆ ที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ ค่าเรือเดินทางประมาณ คนละ 300 บาท แต่เราไป 2 คน พี่เขาลดให้ด้วยนะ ตกคนละ 200 กว่าบาทเท่านั้น สถานที่ที่พาไปชมก็มีหลายที่ด้วยกัน จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย จุดแรกที่เราจะได้ชมคือ เมืองบาดาล และเจดีย์กลางน้ำซึ่งพี่คนขับเรือบอกกับพวกเราว่า ถ้ามาเที่ยวช่วงหน้าร้อน ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน จะสามารถมองเห็นด้านในโบสถ์และเดินชมได้ เพราะระดับน้ำที่ลดลงมาก นั่งเรือชิว ๆ ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางริมน้ำบวกกับลมเย็น ๆ และละอองน้ำจากเรือกระเด็นกระทบหน้า ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นเป็นพิเศษ ยิ่งหากลองสูดหายใจเข้าลึก ๆ เอาอากาศเข้าไปให้เต็มปอด ก็จะรับรู้ได้ถึงความสดชื่นเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวและรับรู้ถึงอากาศอันบริสุทธิ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้! ตลอดการล่องเรือเรายังได้ไปเที่ยวในอีกหลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น วัดเก่า โบสถ์โบราณ ชมบรรยากาศชุมชนริมแม่น้ำเรียกได้ว่า เกินคุ้ม! และอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงที่นี่ นั่นคือ สะพานมอญ แหล่งรวบรวมวิถีชีวิตของคนมอญตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำกิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยคือ การตื่นมาใส่บาตรตอนเช้าที่สะพานมอญ เพราะคุณจะได้เห็นชีวิต เห็นวัฒนธรรมของคนพื้นถิ่น เห็นคนใส่ชุดพื้นถิ่นวางถาดไว้บนหัวหลาย ๆ ชั้น เดินอย่างคล่องแคล่ว เป็นภาพที่เห็นได้ทุกวันของคนที่นี่แต่เป็นภาพแปลกตาสำหรับผู้มาเยือน พร้อมกับทานอาหารเช้าแบบคนมอญ โดยอาหารที่พลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะเป็นอาหารที่หาทานที่ไหนไม่ได้นั่นคือ หมูจ้ง กับ ทองโย๊ะ หมูจ้ง คือเครื่องในหมูต้มแล้วนำมาเสียบไม้ ซึ่งจะขายในราคาไม้ละ 1 บาท หรือ 3 บาท แล้วแต่ร้านแต่ละร้าน จิ้มกับน้ำจิ้มออกรสหวานเผ็ดนัว รสชาติคล้ายรสอาหารพม่า ส่วนทองโย๊ะ เป็นข้าวทอดทานกับนมข้นหวาน ๆ เคี้ยวหนึบ ๆ อร่อยไปอีกแบบ ตามไปทานกันให้อร่อย แล้วอย่าลืมกลับมารีวิวกันด้วยนะคะ