สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวทรูไอดีทุกท่านค่า กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ ในวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวกาญจนบุรีกัน โดยในวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปที่ "น้ำพุร้อนลินถิ่น" และ "วัดท่าขนุน" กันค่า "น้ำพุร้อนลินถิ่น" อยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนวชิราลงกรณ์เท่าไหร่นักค่ะ หากจำไม่ผิดทางน้ำพุร้อนลินถิ่นเปิดให้บริการตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเลยนะคะ หากใครไปเที่ยวช่วงหน้าหนาวก็สามารถตื่นเช้าแวะมาแช่น้ำร้อนกันที่นี่ได้เลยค่า โดยจะมีค่าบริการการเข้าท่านละ 20 บาทนะคะ คุ้มค่าแน่นอนค่ะกับราคานี้ หลัก ๆ แล้วภายในนี้จะมีโซนแช่น้ำร้อนกับโซนนวดแผนไทยค่ะ หากใครอยากนวดแผนไทยก็สามารถใช้บริการได้นะคะ ญาติผู้ใหญ่ในกลุ่มทริปของผู้เขียนไปใช้บริการมา รับประกันว่าสบายใจสบายกายคุ้มค่าแน่นอนค่ะ น้ำพุร้อนจะมีสองบ่อ และจะมีโซนแช่เท้าอยู่สองที่ ผู้เขียนไม่มีความรู้ชัดเจนเท่าใดนักว่าควรแช่อันไหนก่อน เลยเริ่มจากการแช่เท้าก่อน ซึ่งขอรีวิวได้เพียงว่า "เท้าสุก" ค่ะ .. ร้อนสะใจมากจริง ๆ ค่ะ หากใครจะแช่เท้าก็อย่าใจร้อนรีบหย่อนเท้าทั้งหมดลงไปนะคะ ค่อย ๆ แช่ทีละนิดให้ชินก่อนดีกว่าค่ะ รับประกันความร้อนเลย แต่เมื่อแช่ให้ชินแล้วก็สบายมาก ๆ ค่ะ คราวนี้เดินเล่นในบ่อให้แช่ไปถึงหัวเข่าได้สบายเลยค่า เมื่อแช่เท้าได้สักพัก หลังจากที่ชั่งใจอยู่นาน ผู้เขียนก็ตัดสินใจลงไปแช่ตัวในบ่อที่ใหญ่ที่สุด ที่ตอนแรกชั่งใจอยู่นานเพราะคิดไปเองว่าขนาดบ่อแช่เท้ายังร้อนขนาดนี้ บ่อแช่ตัวอาจจะสุกไปทั้งตัวเลยหละมั้ง .. แต่สรุปว่าบ่อแช่ตัวจะร้อนน้อยกว่านะคะ ในความคิดเห็นส่วนตัวรู้สึกว่าร้อนเหมาะสมพอดีกับการแช่ตัวเลยค่ะ ร้อนพอดี ๆ แช่ได้สบาย ๆ ยิ่งหากใครไปในช่วงอากาศเย็น ๆ แล้วนั้น รับรองว่าฟินไปกับบรรยากาศจนเคลิ้มแน่นอนค่ะ นั่ง ๆ นอน ๆ แช่เท้าแช่ตัวและมองสายน้ำด้านหลัง เป็นวิวทิวทัศน์ที่ดีต่อใจอย่างมากเลย -//- แม้จะสบายตัวเพียงใด เพื่อน ๆ ก็อย่าลืมเช็คตัวเองกันด้วยนะคะ เพราะอย่างไรหากแช่น้ำร้อนนานเกินไปก็อาจจะหน้ามืดได้นะคะ เห็นเพื่อน ๆ ที่ร่วมแช่บ่อน้ำร้อนบางท่านพกน้ำดื่มส่วนตัวกันเข้ามาด้วยไว้เผื่อดื่มระหว่างแช่น้ำร้อน และสำหรับในส่วนของห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น ถือว่าสะอาดใช้ได้เลยค่ะ มีฝักบัวให้ชำระล้างตัวหลังขึ้นสระ สะอาดสะอ้านดี แต่ห้องน้ำหญิงมีห้องอาบน้ำเพียงแค่สองห้องนะคะ อีกประมาณ 3-4 ห้องจะเป็นห้องน้ำไว้ที่เป็นโถสุขภัณฑ์ค่า เมื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศเต็มอิ่มแล้ว ผู้เขียนก็จะเดินทางต่อไปยังที่ "วัดท่าขนุน" สถานที่ซึ่งพวกเราจะได้นมัสการ ทำบุญ และออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กันค่ะ .. เพราะวัดแห่งนี้มีจุดเด่นคือการขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทและพระพุทธเจติยคีรีบนยอดเขานั่นเองค่า ในทริปนี้ผู้เขียนไม่ไดขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท เนื่องจากไม่มีเวลามากนัก เพราะบันไดขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทนั้นมีจำนวนขั้นถึง 1000 กว่าขั้นเลยทีเดียวเชียวค่ะ .. จึงคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการขึ้น - ลงมากพอสมควร ผู้เขียนจึงเพียงแค่ขึ้นบันไดไปนมัสการและเยี่ยมชมพระพุทธเจติยคีรีค่ะ ซึ่งบันไดขึ้นนมัสการพระพุทธเจติยคีรีนั้นมีจำนวนขั้นประมาณ 200 กว่าขั้นค่ะ แม้จะน้อยกว่าบันไดขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทมาก แต่ความหอบก็ใช้ได้อยู่ค่ะ ....... ระหว่างแต่ละชั้นก็จะมีแผ่นตัวเลขชั้นบอกอยู่เรื่อย ๆ ค่ะ ทั้งหมดจะมี 10 ชั้นด้วยกัน ใครขึ้นไปถึงชั้น 10 แล้ว ฮึบใจแล้วถ่ายรูปเก็บกันไว้ก่อนนะคะค่อยนั่งพัก เราคือผู้พิชิตค่ะ ! .. แม้จะหอบกินไปพอสมควร แต่พอขึ้นมาเห็นวิวทิวทัศน์เช่นนี้ เหนื่อยแค่ไหนก็ยอมค่ะ จากนี้จะเป็นช่วงเวลาของการโปรยรูปนะคะ ขอให้รูปได้อธิบายความคุ้มค่าของการขึ้นมานมัสการพระพุทธเจติยคีรีบนยอดเขานี้เลยแล้วกันค่า สำหรับขาลงนั้น ไม่ต้องห่วงค่ะ ตัวเบาฉิว ถ้าขึ้นได้ การลงก็ไม่น่ากังวลเลยค่า -//- เมื่อลงมาแล้ว นั่งพักหายใจสักพัก แล้วกลุ่มทริปของผู้เขียนก็จะไปยังอีกสถานที่หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน นั่นก็คือ "อุโบสถและสะพานแขวนวัดท่าขนุน" ค่า โดยหลัก ๆ ของทริปนี้เราจะไปถ่ายรูป ดูวิวทิวทัศน์กันบนสะพานแขวนนะคะ ~ เมื่อชมวิวทิวทัศน์จนพอใจแล้ว ทริปของเราก็ได้ไปหาของทานกันที่ "ถนนนั่งยองทองผาภูมิ" อยู่ไม่ไกลจากบริเวณวัดท่าขนุนมากค่ะ ที่ถนนนั่งยองจะมีการจัดงานในทุก ๆ ช่วงเทศกาลปีใหม่ หากปีใหม่ในครั้งหน้าใครได้มีโอกาสไปที่กาญจนบุรี แนะนำว่าถนนนั่งยองก็เป็นอีกแหล่งตลาดหนึ่งที่น่าสนใจมาก ๆ เลยนะคะ มีของทานที่น่าสนใจหลายอย่างเลย และราคาน่าคบหาทุก ๆ อย่างเลยค่ะ ผู้เขียนเดินไปเดินมาจนคุยกับใครไม่ได้เลยค่ะ เพราะของทานเต็มปากไปหมด ยังไม่นับของทานที่หิ้วกลับบ้านอีกนะคะ .... สำหรับทริปในวันนี้ก็คงต้องจบลงเพียงเท่านี้นะคะ ไว้ผู้เขียนจะหาเวลามาแบ่งปันประสบการณ์ทริปให้เพื่อน ๆ ชาวทรูไอดีอ่านกันใหม่ในครั้งหน้านะคะ สวัสดีค่า ~