เขาช้างเผือก ว่ากันว่าสิ่งที่ยากที่สุดของการมาเขาช้างเผือกแห่งนี้ คือ การโทรจองขึ้นเขา กับอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ...ยากมากๆ โทรกันสายไหม้เลยทีเดียว แต่สำหรับเรา เขาช้างเผือกเลือกเรา เราโทรจองเองคนเดียว เป็นปีแรก พอโทรติด ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ ก็ดีใจเหมือนสอบติดมหาลัยที่ใฝ่ฝัน ตอนแรกเราหาเพื่อนไปด้วยไม่ได้ เลยขอเพื่อนอีกคนให้ไปเป็นเพื่อน เพราะเราไม่ชอบเดินทางคนเดียว ไม่อยากเหงา ซึ่งตอนนั้นเพื่อนเราเรียนหนัก เครียดมาก เกือบจะไม่ไป แต่เราบอกลองไปดูเผื่อคลายเครียดได้ เพื่อนก็ตกลงไปด้วย หลังจากโทรจองเสร็จ เมื่อถึงวันเดินทางหลังจากเคลียร์งานเช้า สี่โมงเย็นก็เริ่มออกเดินทางจาก กทม. ไปยัง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กว่าจะไปถึงที่พัก ที่พวกเราจองไว้ในอุทยานก็ตี 1 เพราะขับรถคลำทางมาแบบมืดๆโดยไม่รู้ว่าข้างทางแอบมีเหวตื้นๆเป็นระยะ เมื่อมาถึงอุทยาน พบว่าป้อมทางเข้าบริเวณหน้าอุทยานปิด มองไปข้างทางมีป่ามืดๆแล้วก็เพื่อนอีกหนึ่งคนที่ทำหน้าง่วง เราเองก็เริ่มรู้สึกกลัว แต่ความกลัวก็ลดลงไป เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้า ดาวเยอะมาก สวยมากๆ มีแต่ความละมุน แต่ก็ถ่ายรูปดาวไม่เป็นอีก สุดท้ายด้วยความเกรงใจพวกเราลองเคาะประตูป้อม หน้าอุทยาน ก็มีเจ้าหน้าที่มาเปิดที่กั้นทางเข้าอุทยานให้รถพวกเราผ่านเข้าไป ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มของพี่เจ้าหน้าที่ เราก็ขอโทษพี่เจ้าหน้าที่ ที่มารบกวนมืดๆค่ำๆ แล้วขับรถไปบ้านพักในอุทยาน เป็นบ้านริมผา 1 ซึ่งทางอุทยานตัดไฟฟ้าตั้งแต่ 22.00 น. อาบน้ำแบบมืดๆเสร็จ พวกเราก็เข้านอนกันตี 2 กว่าๆ ตอนกลางคืนจะมีอากาศหนาว ตื่นเช้าก็มาดูวิวหน้าที่พักสวยๆ และอากาศดีมาก ตื่นมา 06.00 น. อาบน้ำเสร็จ ก็ไปลงชื่อที่ทำการอุทยาน เช่าเต๊นท์และจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งไม่แพงเลยแต่จำรายละเอียดไม่ได้ แล้วขับรถต่อไปยังหมู่บ้านอิต่อง ที่เที่ยวสุดฮิตอีกเช่นกันอยู่ใกล้ๆอุทยานเดินหาอะไรทานและจ้างลูกหาบที่นี่ เพราะทางขึ้นจะเริ่มเดินจากหมู่บ้านที่นี่ เวลา 09.00 น.พวกเราก็เริ่มทยอยเดิน เรา 2 คน ตื่นเต้นกันมาก ไม่มีความเหนื่อยจากการเดินทางกันเลย เดินตามใครมาไม่รู้ เรากับเพื่อนเดินปิดท้ายคนอื่นเพราะว่าเดินช้า ถึงจุดลงทะเบียนอีกครั้ง ก่อนเดินขึ้นเขาเริ่มเดินไปตามทางเรื่อยๆ ที่นี่เดินไม่ยาก เดินสนุก ระยะทางประมาณ 8 กม. เดินประมาณ 5-6 ชม. ทางเดินชัดเจน ทางเดินส่วนใหญ่จะเดินบนสันเขา เพื่อนร่วมทางก็บ่นเรื่องเรียนไปด้วยขณะเดินเขา เมื่อใกล้ถึงที่พักกางเต๊นท์ทางลงจะชันมาก นิ้วเท้า+หน้าเท้าก็จะต้องทำงานหนักหน่อยๆรองเท้าเราไม่ค่อย support เท่าไหร่ แต่เรื่องเล็กน้อย เราสนุกมากกับการจับเชือกไต่ลงแล้วก็ต้องผ่านไปเจอกับส้วมหลุมสังกะสี ประจำเขาช้างเผือก ซึ่งอาบน้ำไม่ได้ เช็ดแห้งอย่างเดียว เมื่อถึงลานกางเต๊นท์ พักหายเหนื่อย ประมาณ 16.00 น. ก็เริ่มเดินไปยังจุดไฮไลท์ คือ สันคมมีด อันขึ้นชื่อแห่งเขาช้างเผือก เพื่อนบอกว่า เครียดหนักกว่าเรียนอีก เพราะยืนแล้วเสียวมาก กลัวพลัดตกเขาต้องนั่งยองๆ เดินบนสันเขา เราเองแรกๆก็กลัวๆ แต่พอผ่านสันคมมีดไป รู้สึกเดินบนสันเขานี่แหละตื่นเต้นและสนุกมาก ผ่านจุดสันคมมีดแล้ว ต้องเดินต่อไปยังยอดเขาช้างเผือก เพื่อเก็บวิวที่งดงามตะวันตกดินแล้ว กลับมานอนดูดาวที่เต็นท์หลับฝันดีไปกับเขา ฝันดีนะ....เขาช้างเผือก ขอบคุณเพื่อนที่ร่วมเดินทางมากับเราถึงจะมีกันแค่ 2 คน...แต่มันมีค่าต่อความทรงจำของเรามาก