ลมหนาวมาแล้ววว ถึงเวลาที่เราจะได้หยิบเสื้อสเวตเตอร์ตัวโปรดมาใส่ไปสถานที่คูล ๆ ในช่วงที่ผ่านมา เราต่างก็ต้องใช้ชีวิตอย่างเบื่อหน่ายกันอยู่ในบ้าน จะออกไปไหนก็ไม่ได้ใช่มั้ยคะ? แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็กำลังจะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วค่ะ ที่เราจะออกไปเที่ยว คืนพลังชีวิตให้กับตัวเองก่อนที่ปี 2020 จะผ่านไป นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เราไปเดินทางไปเที่ยวที่หมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี ทริปนี้เรามีเวลาน้อยมาก ๆ แต่เราเห็นว่าหมู่บ้านอีต่องไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯ มาก เดินทางแค่ 4-5 ชั่วโมงก็ถึง ก็เลยตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว หมู่บ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขา ที่อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี การเดินทางเข้าไปที่หมู่บ้านเพื่อน ๆ จะต้องขับรถผ่าน 399 โค้ง จะมีถนนบางช่วงที่เป็นหลุมเป็นบ่อ บอกเลยว่าใครที่เมารถควรเตรียมยาแก้เมารถ แล้วก็ถุงพลาสติกมาด้วยนะ แต่ถ้าถามว่าลำบากมั้ย ก็ต้องตอบว่าสนุกนะ มันเหมือนเป็นการสร้างเสียงหัวเราะของเรากับเพื่อนร่วมทริประหว่างทาง พอไปถึงหมู่บ้าน ก้าวแรกที่ลงจากรถก็รู้สึกว่าที่นี่สงบดีจัง บรรยากาศมันทำให้เรารู้สึกว่าที่นี่แหละ คือที่ที่เราจะได้มาพักผ่อนจริง ๆ ชาวบ้านที่นี่ดูเป็นมิตรมาก ๆ ไม่เคยไปเที่ยวที่ไหน แล้วรู้สึกได้รับการต้อนรับผ่านรอยยิ้ม ท่าทางแบบนี้มาก่อน เหมือนมาเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดมากกว่ามาเที่ยวอีก ทริปนี้เราเลือกพักที่ปิล็อก แคมป์วิว เป็นการนอนเต็นท์ครั้งแรกของเราเลย ตอนแรกก็กังวลนะว่าเราจะนอนได้มั้ย แต่แค่คืนเดียวเอง คงไม่เป็นไรหรอก แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ในเต็นท์นอนได้ 3 คนแบบสบาย ๆ เลย และถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นห้องน้ำรวม แต่ห้องน้ำก็สะอาดสะอ้าน แถมมีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยนะจ๊ะ ธรรมดาที่ไหน! เราเข้าที่พักตอนประมาณสี่โมงกว่า ๆ จ่ายหลักร้อย วิวหลักล้านที่แท้จริง พอฟ้าเริ่มมืด ท้องก็เริ่มร้อง มัวแต่เดินเล่นในหมู่บ้านจนลืมไปว่าเรายังไม่ได้กินมื้อเย็นเลย เห็นในรีวิวบอกว่ามาหมู่บ้านอีต่อง ต้องกินหมูกระทะ อ่ะ งั้นก็จัดไป หมูกระทะร้อน ๆ กับอากาศเย็น ๆ บอกเลยว่าฟีลกู๊ดมากกก (หิวจนลืมถ่ายรูปเลย แต่ขอยืนยันว่าดีจริง มาแล้วต้องหาทำนะทุกคน) เรานั่งกินไปเม้าท์ไป รู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานมาก แต่พอดูนาฬิกาก็เพิ่งจะ 2 ทุ่มนิด ๆ เอง ทำไมอยู่ที่นี่แล้วเวลามันเดินช้าจังนะ เป็นความรู้สึกที่หาจากในเมืองคงไม่ได้ ก่อนนอนก็ขอทำแคมเปญถ่ายรูปกับตะเคียง ที่แอบซื้อมาเมื่อตอนกลางวันซะหน่อย เห็นว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของหมู่บ้านอีต่องเลย กว่าจะผลัดกันถ่าย ผลัดกันถือ นั่งเม้าท์กันต่ออีกก็เที่ยงคืนพอดี กะว่าเช้าอีกวันจะตื่นมาใส่บาตร สรุปตื่นสายกันทั้ง 3 คนเลยจ้า แถมเปิดเต็นท์มาเจอองครักษ์นอนเฝ้าอยู่หน้าเต็นท์ด้วย น้องมาจากไหนก็ไม่รู้ เอ็นดูมาก 555 ก่อนกลับไปใช้ชีวิตสุดแสนจะวุ่นวายในกรุงเทพฯ เราก็ได้แวะไปเดินเล่นที่ตลาดบ้านอีต่อง เห็นขนมชื่อแปลก ๆ นี้ตั้งแต่เมื่อวานตอนที่มาเดินสำรวจแล้วแหละ แต่ยังไม่ได้ชิม เช้านี้ก็เลยขอชิมสักหน่อย แอบถามพี่คนขายมา พี่เขาบอกว่าขนมนี้ชื่อว่าทองโย๊ะ เป็นเหมือนปาท่องโก๋ของชาวกะเหรี่ยง ทำมาจากข้าวเหนียวและงาที่ตำจนเป็นเหมือนโมจิแล้วนำมาทอด เวลากินจิ้มกับนมข้น อร่อยเข้ากันสุด ๆ จากนั้นเราก็แวะไปที่เนินช้างศึก ตอนนั่งรถขึ้นไปก็รู้สึกว่าไม่ไกลจากหมู่บ้านนะ แต่พอขึ้นไปถึงบนยอด มองลงมาเห็นหมู่บ้านด้วย วิวสวยมาก เป็นวิวภูเขาสลับซ้อน ๆ กัน แล้วก็มีหมอกลอยไปลอยมา บอกเลยนะ ให้นั่งอยู่บนนี้ทั้งวันก็ไม่เบื่อ และอีกหนึ่งจุดที่เราแวะ ก็คือ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพราะอยู่ระหว่างทางขากลับพอดี ตรงนี้มีจุดชมวิวเขาช้างเผือก และเขาช้างพลาย สวยไม่แพ้เขาช้างศึกเลย ในอุทยานฯให้มากางเต็นท์นอนได้ด้วยนะ มีห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย การไปเที่ยวที่หมู่บ้านอีต่องครั้งนี้ เรารู้สึกเสียดายมากที่ยังไม่ได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเท่าที่ใจอยาก แต่อยากบอกทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ว่า มันเป็นทริป 2 วัน 1 คืน ที่ดีกว่าที่เราคิดไว้มาก เราไม่ต้องเร่งรีบ ไม่มีความวุ่นวาย มันทำให้เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองแล้วก็คนรอบข้างจริง ๆ เรากล้าพูดเลยว่าเราจะไปที่หมู่บ้านอีต่องอีกแน่นอน ไว้ถ้ามีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจอีก จะมาเขียนเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันนะคะ 😊 ภาพโดย : นัก(ลอง)เขียนและเพื่อนร่วมทริป วันลาเหลือใช่ไหม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !