สำหรับคนที่หาที่เที่ยวไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพนะคะ กาญจนบุรีก็เป็นอีกจังหวัดที่ขับรถพอประมาณ เหมาะสำหรับไปนอนค้างสักคืนสองคืน แถมมีที่เทีย่วมากมายให้เลือกสรรด้วยค่ะ วันนี้จะมาแนะนำรูทท่องเที่ยวที่น่าไปนะคะ เริ่มสถานที่แรก คือต้นจามจุรียักษ์ ตามแผนที่ https://goo.gl/maps/Nm8yXAC3f9orsM8d9 เค้าทำเป็นสะพานรอบ ๆ ต้นไม้นะคะ เพื่อกันคนเข้าใกล้แล้วไปเหยียบโดนรากหรือที่สำคัญค่ะ ข้อมูลบอกว่ามีอายุถึง 100 ปีเลยทีเดียว ที่นี่ร่มรื่นเหมาะสำหรับพักผ่อน รอบ ๆ มีขายอาหารน้ำดื่มนิดหน่อย -รูปถ่ายด้วยตนเอง- ต่อมาคือไปที่ปราสาทเมืองสิงห์ค่ะ ตามแผนที่ https://goo.gl/maps/iQXj1VJYGLec3e5L7 ที่นี่ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแดง มีประตูเข้าออก 4 ด้าน มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ภายในเมืองยังมีสระน้ำถึง 6 สระ บางที่สามารถเดินเข้าไปชมได้ด้วยนะคะ ที่นี่มีโบราณสถานที่ 4 ที่ ถ้าใครอยากศึกษาอาจจะต้องใช้เวลาเดินนานหน่อยค่ะ -รูปถ่ายด้วยตนเอง- -รูปถ่ายด้วยตนเอง- หลังจากนั้นก็ไปต่อที่ฮิตกันมาก ก็คือถ้ำกระแซ ตามแผนที่ไปได้ที่ https://goo.gl/maps/zXypYKiD6KNcvJKX6 ซึ่งที่นี่เป็นมรดกของสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ติดกับทางรถไฟขึ้นชื่ออย่างทางรถไฟสายมรณะ ถ้ำนี้เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า ภายในถ้ำโปร่ง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ มองออกมาจะเห็นแม่น้ำแควน้อย -รูปถ่ายด้วยตนเอง- -รูปถ่ายด้วยตนเอง- ทางรถไฟนี้เริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุกที่ราชบุรี ผ่านแม่น้ำแควใหญ่มากาญจนบุรี และปลายทางอยู่ที่เมืองตานประเทศพม่า ทางรถไฟสายนี้สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้แรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรและกรรมกรชาวเอเชียที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้าง ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตกนะคะ เส้นทางรถไฟสายมรณะนั้นได้ชื่อนี้มาเนื่องจาก ในสมัยสงครามโลกที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึก ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดตา และนิวซีแลนด์ ประมาณ 61,700 คนและกรรมกรยากชาวจีน ชวา พม่า อินเดีย ญวน อีกจำนวนมากมาเพื่อก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์นี้ ให้เป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า เพื่อลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งกำลังพล เพื่อจะไปบุกโจมตีพม่าและอินเดีย ซึ่งในเส้นทางช่วงหนึ่งของทางรถไฟสายนี้จะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัยรวมถึงการขาดแคลนอาหาร ซึ่งทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลงกับทางรถไฟสายนี้ เราสามารถเดินบนรางรถไฟไปเรื่อย ๆ ได้นะคะ ระหว่างทางเดินมีบรรยากาศดีและสวยงามอย่างมาก เหมาะกับมาถ่ายรูป -รูปถ่ายด้วยตนเอง- ต่อมาที่ควรไปคือ ช่องเขาขาด หรือ Hell Fire Pass ตามแผ่นที่ไปได้ที่ https://goo.gl/maps/qcupo1DCxoXpb5dn9 ที่นี่ก่อนจะเข้าไปเราต้องผ่านพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดนะคะ พิพิธภัณฑ์นี้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้เชลยศึกชาวออสเตรเลียและฝ่ายพันธมิตร ที่ถูกบังคับให้สร้างทางรถไฟยาวถึง 415 กิโลเมตร จากประเทศไทยไปสู่ประเทศพม่า เพื่อเป็นเส้นทางหลักสำหรับการส่งกำลังของกองทัพบกญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เชลยศึกโดยส่วนใหญ่เป็นเชลยชาวออสเตรเลียชาว อังกฤษและดัตซ์ รวมทั้งเชลยพลเรือนชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ถูกบังคับให้สร้างทางรถไฟสายช่องเขาขาด การจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ มี 3 ส่วน ส่วนแรก จะแสดงถึงประวัติความเป็นมาของช่องเขาขาดและข้อมูลเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนที่สองจะจัดฉายภาพยนตร์เกี่ยวข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวภายในพิพิธภัณฑ์, ทางเดินรถไฟ รวมถึง มีภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนที่สาม แสดงถึงเส้นทางเดินธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะที่เชลยศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัดเจาะภูเขาหินให้เป็นช่องทางสำหรับสร้างทางรถไฟ ปัจจุบันยังมีร่องรอยของทางรถไฟปรากฏอยู่ แค่นี้ก็หมดวันพอดีค่ะ นอนพักสักคืน กลับกรุงเทพวันรุ่งขึ้น