เช้าวันจันทร์อันสดใส ณ ช่วงเวลาก่อนที่มหาวิทยาลัยของผมจะเปิดเทอมได้หนึ่งสัปดาห์ จากเด็กต่างจังหวัดที่ไม่ได้มีโอกาสท่องเที่ยวมากนัก ผมตัดสินใจเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ตัวผมเองด้วยการไปเที่ยวกาญจนบุรี ผมเลือกวิธีการเดินทางด้วยวิธีที่ผมสะดวกที่สุด ในความที่ผมอาศัยอยู่บริเวณรังสิตจึงเลือกวิธีเดินทางด้วยรถตู้ หลังจากนั่งรอคิวอยู่สักพักผมก็ได้ขึ้นรถตู้และออกเดินทาง รถตู้จากรังสิตไปยังตัวเมืองกาญจนบุรี 130 บาท รถตู้ปล่อยผมลงบริเวณใกล้ ๆ กับบขส.กาญจนบุรี (จำเป็นต้องจำบริเวณที่ลงไว้ให้ดี เพราะเมื่อจะกลับต้องไปอีกฝั่งนึงเพื่อขึ้นรถตู้กลับรังสิต) ผมเดินมุ่งตรงไปหาวินมอเตอร์ไซค์เพื่อที่จะนั่งไปยังที่พัก วินจากบริเวณบขส.ไปยังที่พัก 40 บาท ผมจองที่พักจากใน Booking.com อ่านจากรีวิวในแอปแล้วพบว่าที่นี่น่าจะสงบและร่มรื่นดี ซึ่งเมื่อมาถึงก็เป็นไปตามความคาดหวังจากในรีวิวจริง ๆ บรรยากาศรอบ ๆ ที่พักร่มรื่นมาก แขกที่มาพักที่นี่จะได้ที่พักแบบบังกะโลริมน้ำ แซมส์เฮาส์ กาญจนบุรี 3 คืน 978 บาท (ราคาวันจันทร์-วันพุธ) หลังจากเช็คอินเข้าเรียบร้อย ผมตัดสินใจว่าผมคงต้องเช่ารถเพื่อที่จะได้เดินทางไปไหนมาไหนใน 3 วันนี้ได้อย่างสะดวก ด้วยความที่ผมศึกษามาอย่างดีจึงได้รู้ว่าบริเวณใกล้กับที่พักมีร้านเช่ารถอยู่ 2-3 ร้าน ผมเลือกรถรุ่นที่ไม่ได้ท็อปมาก เอาแค่พอเดินทางได้ก็พอ เช่ารถยนต์ 2 วัน (ยืมวันจันทร์คืนวันพุธ) 1,800 บาท (เงินประกัน 3,000 บาท) หลังจากผมได้รถยนต์มาแล้ว ด้วยความที่ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยผมจึงค้นหาร้านน่าสนใจจากรีวิวต่าง ๆ และเลือกที่จะไปที่ไปทานข้าวที่ Rainforest Café บรรยากาศบริเวณรอบ ๆ Rainforest Café นั้นร่มรื่นมาก มีต้นไม้อยู่รายล้อมรอบร้าน ลูกค้าสามารถเลือกที่จะทานด้านในร้านที่มีแอร์หรือเลือกที่จะนั่งทานด้านนอกก็ได้ เมนูที่ผมทานก็เมนูง่าย ๆ ที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร รสชาติความอร่อยนั้นค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ กาแฟอเมริกาโน่เย็น 65 บาท ข้าวผัดกระเพราคอหมูย่าง 95 บาท ฟิชแอนท์ชิพส์ 165 บาท หลังจากนั่งพักและทานอาหารเสร็จเรียบร้อยผมก็มองหาสถานที่ที่เงียบสงบสักหน่อย ผมจึงขับรถไปแบบมั่ว ๆ (ถือเป็นการท่องเที่ยวพักผ่อนของผม เพราะจริง ๆ แล้วผมไม่ค่อยได้ขับรถมากนัก) บรรยากาศรอบข้างนั้นดีมาก รู้สึกถึงความเป็นชนบทและไม่วุ่นวายเหมือนในเมือง จนกระทั่งผมมาหยุดรถหน้าสุสานเอกชนวังหีบ ซึ่งเป็นบริเวณริมน้ำที่มีคนท้องถิ่นมาตกปลาบริเวณนั้นอยู่บ่อย ๆ หลังจากเดินเล่นได้สักพัก ดวงอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ผมก็ขับรถกลับไปยังที่พัก ขากลับแวะซื้อขนมจากร้านสะดวกซื้อยอดนิยมนิดหน่อย น้ำเปล่า, นมเปรี้ยว, เลย์, C-vitt jelly 14+10+20+18 บาท วันที่สอง ผมตื่นไม่ได้เช้ามาก (เนื่องผมไม่ได้คุ้นชินกับเส้นทางทำให้กว่าจะขับรถถึงที่พักก็ดึกแล้วและผมก็นอนดึกเข้าไปอีก) ผมไม่ได้ทานข้าวเช้าเนื่องจากคิดว่าค่อยไปหากินเอาแถวสถานที่ท่องเที่ยว ผมขับมุ่งตรงไปที่วัดถ้ำเขาน้อย ซึ่งมีเจดีย์สูงที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวรอบ ๆ กาญจนบุรี เนื่องจากมันไม่ใช่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และค่อนข้างเช้าอยู่นิดหน่อย ตอนที่ผมไปถึงจึงยังไม่มีคนมาเลย เงียบสงบมาก เมื่อขึ้นไปบนเจดีย์และมองวิวรอบ ๆ นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกว่าเท่านี้ก็คุ้มค่าที่ได้มาที่นี่ หลังจากเดินเล่นและถ่ายรูปเสร็จแล้ว ผมก็ออกเดินทางต่อ ผมขับรถมุ่งตรงไปยังต้นจามจุรียักษ์ ซึ่งเป็นที่ที่หลายคนและหลายรีวิวมักจะพูดถึง ทำให้ผมคิดว่าผมคงต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง เมื่อมาถึงผมก็พบว่าแม้จะเป็นวันอังคาร แต่นักท่องเที่ยวที่มาชมความยิ่งใหญ่ของต้นไม้นั้นถือว่าเยอะพอสมควร และผมก็แปลกใจเล็กน้อยที่พบเจอนักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะมาก จากนั้นผมก็หาข้าวกินบริเวณที่เป็นร้านค้าสวัสดิการ ซึ่งรสชาติก็เป็นที่น่าพอใจ ข้าวกระเพราหมูไข่ดาว + น้ำเปล่า 50 บาท เมื่อทานข้าวเสร็จผมก็ขับรถมุ่งตรงไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ ใช้เวลาในการขับรถไปประมาณชั่วโมงนึง ซึ่งผมใช้เวลามากกว่านั้นเพราะ Google Map พาผมหลงไปผิดทาง... แต่จะโทษมันก็กระไรอยู่เพราะเมื่อนึกดูแล้วคงเป็นผมเองที่เลี้ยวไปผิดทางโดยไม่ฟังสิ่งที่มันบอกให้ดี (บางครั้งมันก็สับสนกับคำศัพท์ที่มันพูดออกมา) ระหว่างทางไปผมแวะซื้อของกินนิดหน่อย C-vitt lemon + เบอร์เกอร์หมู 40 บาท ค่าเข้าอุทยานเอราวัณ 130 บาท ค่ารถไป-กลับทางขึ้นน้ำตก 30+30 บาท ผมขึ้นไปได้สุดแค่ที่ชั้น 4 เท่านั้น เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าหมดเวลาขึ้นชั้นบน ๆ แล้ว (17.00 น.) ผมผิดหวังเล็กน้อยจากความผิดพลาดในการขับขี่ของตัวเองที่ทำให้มาไม่ทันเวลา แต่อย่างไรก็ดีชั้นล่าง ๆ ก็ยังมีน้ำตกที่พอจะถ่ายรูปออกมาได้อยู่ ณ วันที่ผมไปนั้นทางอุทยานยังไม่เปิดให้ลงเล่นน้ำ ทำให้ทำได้แค่ชมความงามของธรรมชาติและถ่ายรูปเท่านั้น หลังจากชมบรรยากาศจนพอใจ ก็ได้เวลาที่ผมจะเดินทางกลับที่พัก เมื่อถึงที่พักผมก็ออกมาซื้อของกินจากบริเวณใกล้กับที่พัก ไก่ทอดหาดใหญ่ 3 น่อง + ข้าวเหนียว 1 ห่อ 75 บาท ไส้อั่ว 4 ไม้ + ข้าวเหนียว 50 บาท Double C Lemon 15 บาท น้ำเปล่า 14 บาท วันที่สาม ในวันนี้ผมมีเพียงจุดหมายเดียวที่จะไปเท่านั้น นั่นคือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว หลังจากทานมือเช้าและเก็บของเสร็จ ผมก็เช็คเอาท์จากที่พักในเวลาใกล้เที่ยง Kellogg's froot loops 10 บาท Koko Krunch 20 บาท น้ำดื่ม 6 บาท นมสด 19 บาท แล้วผมก็ขับรถมุ่งตรงไปยังสะพานข้ามแม่น้ำแคว เมื่อไปถึงผมก็แปลกใจอยู่หน่อย ๆ ว่าคนมาเที่ยวที่นี่เยอะมากทั้ง ๆ ที่เป็นวันพุธ รถจอดเต็มลานจอดรถ ผู้คนเดินถ่ายรูปบนรางรถไฟอย่างพลุกพล่าน บริเวณใกล้ ๆ กับลานจอดรถ มีซุ้มร้านค้าที่นี่มากมาย แต่ผมไม่ได้ซื้ออะไร ผมทำเพียงแค่เดินถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอบนรางรถไฟเท่านั้น หลังจากถ่ายวิดีโอจนพอใจผมก็ขับรถไปเติมน้ำมัน (เงื่อนไขการยืมรถตอนคืนน้ำมันต้องเต็มถัง) เติมน้ำมัน 450 บาท จากนั้นก็ขับรถไปคืนที่ร้าน ตอนคืนรถเจ้าของร้านใจดีพาผมไปส่งยังจุดที่ผมจะขึ้นรถตู้กลับรังสิต ซึ่งการขึ้นรถตู้ขากลับนั้นต้องโทรหาท่ารถตู้ฝั่งลาดหญ้า แล้วเขาจะให้เบอร์โทรคนขับมา เพื่อนัดกับคนขับว่าเราจะขึ้นรถตรงไหน (เบอร์โทรท่ารถตู้ลาดหญ้า 087-1576336) คนขับนัดให้ผมขึ้นตรงธนาคารกรุงศรีฯ รถตู้ค่ากลับ 150 บาท เป็นอันจบทริปกาญจนบุรี สรุป รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 4,442 บาท แยกเป็นค่ากิน 704 บาท หากคุณผู้อ่านมีความสนใจต้องการชมวิดีโอที่ผมถ่ายซึ่งเป็นวิดีโอแนว Show don't tell หรือ Silent Vlog (ไม่มีการบรรยาย) สามารถรับชมได้ทางช่อง Youtube "Just One Man" ตามลิงก์นี้เลยครับ เที่ยวคนเดียว กาญจนบุรี 3 วัน 2 คืน พร้อมเช่ารถยนต์ งบไม่เกิน 4,500 บาท | Silent Vlog ภาพโดย: Chalaphan (ผู้เขียน) สามารถโหลดภาพของผู้เขียนได้ฟรีทาง unsplash