ช่วงหน้าร้อนปีนี้ของไทยร้อนมากเสียเหลือเกิน ร้อนก่อนที่กรมอุตุฯจะประกาศว่าเข้าสู่หน้าร้อนเสียอีก การท่องเที่ยวนอกจากทะเลที่เหมาะกับหน้าร้อนแล้ว การเที่ยวแหล่งน้ำอย่างเขื่อนก็คลายร้อนไม่แพ้กัน ทางเราเลยเลือกไปเที่ยวกาญจนบุรี เขื่อนศรีนครินทร์ โดยการพากันนั่งรถไปพักที่รีสอร์ทริมเขื่อน จองห้องเรือนแพเพื่อจะได้สัมผัสกับริมเขื่อนอย่างแท้จริง แนะนำสำหรับใครที่จะไปเที่ยว ถ้าในกลุ่มมีคนที่ขับรถได้ชำนาญ เรื่องการเดินทางจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ชำนาญพอ แนะนำเช่ารถให้พาทั้งกลุ่มไปดีกว่า เพราะทางขึ้นไปเขื่อน เป็นเขาที่มีหลายโค้งมากค่ะ ทางเราเลือกเป็น "อนันตา ริเวอร์ฮิลล์ รีสอร์ท" จากการแนะนำของเพื่อน โดยจองผ่านทางเพจของรีสอร์ทล่วงหน้า 1 เดือน ในส่วนราคาของที่พักจะคิดตามจำนวนคนพักค่ะ ยิ่งคนเยอะจะยิ่งถูกลง อย่างทางเราไปกัน 5 คนเลือกจอง 1 ห้อง จะจ่ายคนละ 1750 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้จะรวมทั้งที่พัก เครื่องเล่นน้ำ บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำและมื้อเช้าค่ะ เมื่อถึงรีสอร์ท ทางเราก็เช็คอินแล้วให้พนักงานพาเราเดินนำไปที่ห้องพักที่เป็นเรือนแพ ความรู้สึกแรก คือ แพจะโคลงตามความแรงของกระแสน้ำ สำหรับใครที่รู้สึกไม่ชอบนอนแพ ทางรีสอร์ทมีที่พักที่อยู่บนเขารองรับด้วยค่ะ สำหรับคนเข้าพัก 5 คน ตัวที่พักจะมีเตียงนอนคู่ให้สองเตียงและเตียงเสริมอีก 1 เตียง มีทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ พัดลม และสิ่งที่ชอบคือการเปิดระเบียงออกไปแล้วลมเย็นตีเข้าหน้ามา เย็นกว่าอยู่ในห้องเสียอีก โดยที่พักจะมีเสื้อชูชีพให้ตามจำนวนคนเข้าพัก หากผู้พักอาศัยต้องการเล่นน้ำ ทางรีสอร์ทจะแนะนำให้ใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งค่ะ เมื่อทางเรานั่งพักจากการเดินทางหลายชั่วโมงดีแล้ว ก็เตรียมพร้อมกันใส่เสื้อชูชีพเดินออกไปเล่นน้ำของรีสอร์ท โดยทางรีสอร์ทจะมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กที่อยู่ในสระเล็ก ๆ ที่ผู้ใหญ่เองก็ชอบเข้าไปเล่น บางจังหวะจะมีการปล่อยทะเลโฟมในสระด้วยค่ะ สำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการแอดเวนเจอร์หน่อย นอกสระจะมีเครื่องเล่นต่างๆ ที่สามารถเข้าไปเล่นได้ตามเวลาของรีสอร์ทค่ะ โดยทางรีสอร์ทจะเริ่มเปิดตั้งแต่ 14.00 - 18.30 น. สำหรับใครที่อยากนั่งพักชมวิวเขื่อน ริมสระจะมีที่นั่งให้นั่งเล่นได้ด้วยค่ะ เวลาบ่ายแดดยิ่งร้อน พอโดนน้ำก็เลยรู้สึกเย็นสบายขึ้นเยอะ พอถึงเวลา 16.30 น. ทางรีสอร์ทจะมีกิจกรรมพิเศษ นั่นก็คือ แพเปียก แทบทุกคนในรีสอร์ทรีบเดินไปตามเสียงประกาศเพื่อจะพากันไปลงที่แพยาว ก่อนที่เขาจะลากแพพาล่องน้ำในเขื่อนกินเวลากันไปเป็นชั่วโมง เป็นกิจกรรมที่มีวันละครั้ง พลาดแล้วพลาดเลยค่ะ พอเล่นน้ำเสร็จพอเป็นพิธี ทางรีสอร์ทจะประกาศว่าเครื่องเล่นน้ำทุกอย่างจะพร้อมปิด และทางรีสอร์ทจะเริ่มเปิดบุฟเฟต์มื้อเย็น ทางเรารีบพากันไปอาบน้ำก่อนจะมาทานข้าว โดยตอนจองเราเลือกจองโต๊ะเรือนแพปลาคาร์ฟ เป็นโต๊ะกระจกใสที่เวลาห้อยขาลงไปจะเห็นปลาคาร์ฟว่ายวนอยู่ค่ะ แต่สำหรับใครที่ต้องการนั่งบนโต๊ะธรรมดา ทางรีสอร์ทก็มีให้เลือกหลายโซนด้วยกัน ทั้งโซนใกล้บุฟเฟ่ต์ โซนใกล้แสดงดนตรีสด โซนชมวิวเขื่อน หากเป็นช่วงเทศกาลแนะนำให้จองล่วงหน้ากับทางรีสอร์ทว่าจะเลือกนั่งโซนไหน จองก่อนได้ที่นั่งก่อนค่ะ พอเสร็จจากมื้อบุฟเฟ่ต์ช่วงเย็นถึงค่ำ แยกย้ายกันไปพักผ่อนจนกระทั่งรุ่งเช้า ทางเราก็ตกลงกันว่าช่วงเช้าก่อนทานบุฟเฟ่ต์จะลองพายเรือคายัคกัน จากการที่เมื่อวานเย็นเล่นเครื่องเล่นน้ำและแพเปียกอย่างเต็มที่ (สำหรับค่าที่พักนั้นรวมเครื่องเล่นน้ำทุกอย่างยกเว้นเจ็ทสกีนะคะ) ทางผู้เขียนเองก็พึ่งเคยลงเรือแบบนี้ครั้งแรก แอบกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่เหมือนกัน แต่พอได้ลงเรือไปจริง ๆ ได้ลองพายเรือครั้งแรก ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ พายเรือไปชมวิวไป ติดใจจนไม่อยากขึ้นเรือเลย เพราะจริง ๆ สิ่งที่น่ากลัวคือการขึ้น - ลงเรือนี่ล่ะ ตอนพายคือสนุกที่สุดแล้ว หากจะแนะนำในเรื่องของการเที่ยวแบบมีกิจกรรมภายในรีสอร์ท สิ่งสำคัญเลยคือ การจัดตารางเวลาของการเดินทางให้ดีค่ะ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดทุกกิจกรรม และไม่ต้องรีบร้อนมากไปด้วย ให้การท่องเที่ยวคือเรื่องสบาย ๆ และการพักผ่อนหย่อนใจก่อนจะกลับเข้าไปสู้กับการทำงานต่อค่ะ ทางกลุ่มผู้เขียนเองก็เลือกจะไปแค่สองวันหนึ่งคืน หลังจากเช็คเอ้าท์ก็เดินทางเที่ยวในกาญจนบุรีก่อนกลับ และเลือกช่วงที่ไม่ใช่หน้าเทศกาลเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนที่เยอะในช่วงนั้นด้วยค่ะ อย่างไรก็ดี ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวเขื่อนกันซักครั้งนะ เครดิตภาพ : ผู้เขียนบทความ May's