"เราใช้เวลาเพื่อป้องกันไม่ให้หมู่บ้านของเราไข่แตกจากเชื้อโควิด-19 จนเกือบ 2 ปี เหลือแค่อีกเดือนเดียวเท่านั้นเอง"การใช้ชีวิตหลังโควิด-19 เข้ามาทำให้ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตจริงๆ หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเป็นเหมือนเครื่องแต่งกายชิ้นใหม่ (ขณะเดียวกันก็กลายเป็นขยะตัวใหม่ด้วย) ที่ต้องใช้เมื่อออกจากบ้านของตัวเอง เพราะเป็นการป้องกันการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ด่านแรก นอกจากนั้นก็ยังมีการล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่ติดอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ที่เราไปหยิบ จับ สัมผัสตลอดเวลา แล้วกลับมาเข้าสู่ร่างกายของเรา ทุกคนทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ต้องระมัดระวังตัวกันมากขึ้น ปีแรกที่โควิดเข้ามาในประเทศไทยได้เดินทางมาถึงจังหวัดกาญจนบุรี(ที่ผมอยู่) ใช้เวลาต้านได้ถึง 1 ปี ก็มีรายแรกเกิดขึ้น ในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ทำให้ปี 2564 จังหวัดกาญจนบุรีเลยมีความเคร่งครัดมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้น ก็เริ่มมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นๆ ทีละอำเภอ ถึงขนาดเป็นพื้นที่สีแดงเข้มด้วย ก็รอดูอยู่ว่าจะมาถึงอำเภอสังขละบุรีของเราไหม ก่อนเชื้อโควิดจะเข้าถึงหมู่บ้านจริงๆ ก็ต้องผวาครั้งแรกในเดือนเมษายน มีคนที่ทำงานในต่างจังหวัดคนหนึ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่หมู่บ้าน พอกลับไปทำงานในเมืองกลับพบว่าติดเชื้อ ตอนนั้นทุกคนในหมู่บ้านรู้สึกกลัวกันมากๆ เพราะเปิดไทม์ไลน์ดูตอนที่เขากลับมาก็ได้มีปฏิสัมพันธ์ที่สามารถโยงได้ทั้งหมู่บ้านทันที ทุกคนเลยต้องอยู่บ้าน นิ่งให้มากขึ้น เพื่อนำญาติผู้ใกล้ชิดในบ้านไปตรวจเชื้อ และกักตัวต่อจนครบ 14 วัน ช่วงนั้นทุกคนรู้สึกไม่ดีมากๆ กลัวว่าผลตรวจญาติผู้ใกล้ชิดจะติดเชื้อขึ้นมา ทำให้คนที่เชื่อมโยงต่อกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงไปในตัวมีการพ่นฆ่าเชื้อ ใช้เชือกกั้นรอบๆ บ้าน สร้างความตื่นตระหนกให้ทั้งหมู่บ้าน สุดท้ายผลออกมาว่าไม่มีใครติดเชื้อสักคน เลยทำให้โล่งอกกันไป โดยเฉพาะผู้ที่ชอบดื่มร่วมวง ใช้แก้วร่วมกัน จำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมกันทันทีแต่พอผ่านไปอีก 2 เดือน คือ มิถุนายน ก็พบผู้ติดเชื้อโควิดรายแรกในอำเภอสังขละบุรี อำเภอติดชายแดนแห่งนี้ไข่แตกเหมือนที่อื่นแล้ว รอบนี้ใกล้ตัวเราเข้ามาอย่างชัดเจน เพราะจากหมู่บ้านไปอำเภอแค่เพียง 25 กิโลเมตรเท่านั้นเอง แต่สามารถเข้าออกได้สะดวกสบาย ทางผู้นำหมู่บ้านจึงจำเป็นต้องเรียกประชุมกันเพื่อวางแผนป้องกันชาวบ้านในหมู่บ้าน จึงได้ลงมติกันที่จะตั้งด่านโควิด-19 กัน โดยไปตั้งก่อนทางเข้าหมู่บ้าน มีผู้นำชุมชน หมอหรือ อสม. และชาวบ้านจิตอาสา ไปร่วมอยู่เวรยามสลับไปมาตั้งแต่ 07.00-22.00 น. ทุกๆ วัน เพื่อเช็คคนที่เข้า-ออก โดยไม่ให้คนภายนอกเข้ามา ยกเว้นเหตุจำเป็นหรือหน่วยงานที่เข้ามาติดต่องานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์เป็นหลักเท่านั้นใครที่ออกไปทำธุระนอกหมู่บ้านก็จะต้องลงชื่อเข้า-ออกอย่างเข้มงวด ฉีดแอลกอฮอล์สเปรย์ทุกครั้ง ยิ่งช่วงไหนมีคนติดเพิ่มมากขึ้นในตัวอำเภอความเข้มงวดก็เกิดขึ้นมากขึ้นอีก ดังนั้นการไม่เดินทางจึงดีที่สุด แต่ภาพแห่งความงดงามก็เกิดขึ้นบ่อยๆ สำหรับน้ำใจที่มีการนำน้ำ ผลไม้ ของกินต่างๆ ไปให้กำลังใจผู้อยู่ด่าน ตลอดจนคนที่ไปตลาดมามีของมาฝากให้ กลางวันจะเน้นผู้หญิงและผู้ชายอย่างน้อย 1 คนมาอยู่ด่านโควิด พอเป็นเวลากลางคืนก็จะมีแต่ผู้ชายที่มาช่วยอยู่เวรยามจนถึง 4 ทุ่มทุกคืน แม้จะเป็นช่วงฤดูฝนก็ตาม ส่วนในระดับประเทศ ช่วงนี้ก็มีการเข้มงวดการเดินทาง ประกาศใช้เวลาเคอร์ฟิว การล็อกดาวน์ การยกเลิกจัดงานต่างๆ การเรียนออนไลน์ การทำงานที่บ้าน ตลอดจนเริ่มให้มีการฉีดวัคซีนที่เพิ่งเข้ามาเรื่อยๆ จากส่วนกลางสู่รอบนอก ตอนนั้นวัคซีนก็ยังไม่ทั่วถึงค่อยๆ ทยอยกันฉีดเข็มแรกกัน จำนวนผู้ป่วยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหลักพัน เป็นหลักหมื่นในเวลาไม่นาน เกิดหลายๆ เหตุการณ์ในปี 2564 นี้ ไม่ว่าการเสียชีวิตจากโควิด-19 ของบุคคลมีชื่อเสียงบ้าง ผู้ป่วยไม่มีเตียงรองรับบ้าง ผู้ป่วยบางรายต้องเสียชีวิตข้างถนน หรือบางรายญาติไม่สามารถไปร่วมงานฌาปนกิจได้ต้องแสดงความเสียใจผ่านจอกล้องแทนบ้าง ฯลฯ ถือเป็นโรคที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมวลมนุษยชาติอย่างชัดเจน รวมทั้งการจัดงานประเพณีงานบุญต่างๆ จำเป็นต้องยกเลิกกันไปและในที่สุดเจ้าโควิด-19 ก็ได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านจนได้ ในเดือนตุลาคม หลังจากที่หมู่บ้านใกล้เคียงได้เกิดขึ้นก่อน จากนั้นแต่ละคนในหมู่บ้านก็ป้องกันกันเต็มที่ สุดท้ายไข่ก็แตกในวันที่ 8 ตุลาคม 2564 เป็นรายแรกเช่นกัน จากนั้นก็ทยอยๆ ติดกันเป็นระยะ จนถึงสิ้นปีรวมพบผู้ติดเชื้อแค่ 14 คน จนมาเจอระลอกใหญ่อีกครั้งกับโควิด-19 สายพันธุ์เชื้อโอมิครอนในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 ที่ยอดผู้ติดเชื้อเกินครึ่งร้อยเลยคราวนี้🌲โควิด-19 จากเมืองจีนสู่เมืองไทยใช้ระยะไม่ถึงเดือน🌃 โควิด-19 จากกรุงเทพฯ มาถึงเมืองกาญจน์ ใช้เวลา 11 เดือน🏠 โควิด-19 จากเมืองกาญจนบุรีมาถึงอำเภอสังขละบุรีใช้เวลา 6 เดือน🏡 โควิด-19 จากอำเภอสังขละบุรีถึงหมู่บ้านใช้เวลา 5 เดือน รวมแล้วจากเมืองจีนถึงบ้านก็ใช้เวลาถึง 1 ปีกับอีก 11 เดือน (เกือบจะ 2 ปีเลย)เราป้องกันเต็มที่กันแล้ว แต่วันหนึ่งเมื่อมันถึงเวลา พวกเราก็ต้านไม่ไหว ก็ได้แต่แก้ไขกันไป นักรบชุดขาวและทีมงานก็ต้องเหนื่อยกว่าเดิมหลายสิบเท่า ทุกคนก็เข้าใจและส่งกำลังใจให้พวกเขาเสมอมา ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ถึงจะยกสถานะให้เป็นเพียง "โรคประจำถิ่น" ก็ตาม แต่ก็ทำให้แต่ละท้องถิ่นยังคงกังวลอยู่เหมือนเดิมแล้วเจอกันใน เรื่องราว...เจ้าโควิด-19 "เหมาๆ กลุ่มเสี่ยง" ภาค 3 ต่อไปเครดิต ภาพปก และภาพประกอบที่ 1-6 โดยผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !