แบกเป้พักแรม กรุงเทพ-น้ำตกเอราวัณ สิ้นปี 62 ที่ผ่านมา ผมและแฟนมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี จุดหมายปลายทางของเรา ก็คือ สะพานมอญ อำเภอสังขละบุรี แต่ระหว่างการเดินทางเราได้แวะไปเที่ยวน้ำตกเอราวัณกันก่อน เป็นเวลา 1 คืน และเป็นอีก 1 ในความประทับใจของทริปนี้ เลยอยากเอาประสบการณ์มาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100 - 400 เมตร แบ่งเป็นชั้นต่างๆ 7 ชั้น มีระยะทางจากชั้นล่างสุดขึ้นไปชั้นบนสุด 1500 เมตร ลำน้ำเมื่อตกลงมาแล้วจะไหลลงเเม่น้ำเเควใหญ่บริเวณที่ทำการอุทยาน เดิมน้ำตกนี้ชาวบ้านเรียกว่า “น้ำตกสะด่องม่องลาย” อันเป็นชื่อลำห้วยม่องลายที่เป็นต้นน้ำ (อ้างอิงข้อมูลจากวิกิพีเดีย) เราออกเดินทางจากกรุงเทพ ที่สถานีหมอชิต ด้วยmini-bus ตั๋วราคา 120 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงสถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี หลังจากนั้นต่อรถเมล์โดยตรงจาก บขส. ไปยังน้ำตกเอราวัณ ใช้เวลาเดินทางอีกราวๆ 2 ชั่วโมงก็ถึงยังอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ค่าเข้า 100 บาท แต่ถ้ามีบัตรนักศึกษาก็จะเหลือ 50 บาท เมื่อมาถึงยังอุทยานเราก็นำสัมภาระ ไปยังจุดกางเต้นริมน้ำ ซึ่งเราได้จองจุดกางเต้นท์และสัมภาระต่างๆเช่น หมอน ฟูก และถุงนอนจากทางเว็บไชต์ของอุทยานแห่งชาติไว้ 1 คืนรวมทั้งหมด 300 กว่าบาท เต้นท์หลังใหญ่มาก สะอาด นอนได้ 3 คนสบายๆ คุ้มกว่าไปเช่ารีสอร์ทนอนเยอะเลยครับ เหมาะสำหรับสายเที่ยวลุยๆแบบพวกเรา คือวิวดีมาก ติดแม่น้ำแควใหญ่ ตรงข้ามเป็นภูเขาภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้าสะวันน่า ดึกๆอากาศแห้ง ก็จะมีไฟป่าให้เห็นประปราย ฮ่าๆ ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง Start กันที่ชั้นนี้ก่อนเลยครับ เดินเล่นชิลๆ ไปกับบรรยากาศของแอ่งน้ำลำธารเล็กๆ ให้หัวใจได้ Refresh ก่อนจะผจญภัยกับระยะทางเกือบ 3 กิโลเมตร ชั้นที่ 2 วังมัจฉา เดินมาอีกนิดก็จะพบกันชั้นยอดนิยมชั้นนี้ อยากให้ได้เห็นด้วยตาเปล่าจริงๆครับ เป็นชั้นที่สวยมากชั้นนึงเลยครับ ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก เดินต่อมาอีก 200 เมตร ก็จะพบกับชั้นนี้ และชั้นนี้ก็ได้เคยเป็นฉากในการถ่ายละครเรื่องนาคีอีกด้วย สวยไม่แพ้กับชั้นที่ 2 เลย ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ เป็นไงครับเหมือนอกนางผีเสื้อรึป่าว เดินถัดมากจากชั้น 3 อีก 250 เมตร ดูไม่ไกลกับตอนแรกเท่าไหร่แต่ขอบอกเลยว่าไม่หมูครับ เพราะทางเดินชันมากกว่าจะไปถึง หลายคนที่ถอดใจกันที่ชั้นนี้แหละครับ ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง สมชื่อเลยหล่ะครับ เนื่องจากมีลักษณะเป็นแอ่ง และมีชั้นหินสลับซับซ้อนให้ได้นั่งแช่น้ำสบายๆกัน คนจึงนิยมเล่นน้ำกันที่ชั้นนี้เป็นส่วนใหญ่ ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา ผมประทับใจชั้นนี้เป็นพิเศษเพราะเป็นแอ่งสปาเท้าที่เจ๋งมากเลย ฮ่าๆ จะมีเจ้าปลาตัวเล็กๆ คอยตอดเท้าเราตอนแช่น้ำ ซึ่งในภายหลังก็มาพบว่าปลาพวกนี้คือ ปลาพวงชมพู เป็นปลาหายากแต่อ่อนไหวต่อสภาพน้ำมาก เพราะแหล่งน้ำต้องอุดมสมบูรณ์มากและต้องมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็น ปลาเหล่านี้ถึงจะดำรงชีวิตอยู่ได้ เป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศได้อย่างเลยทีเดียว ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ และแล้วก็มาถึงชั้นสุดท้าย กับการผจญภัยของพวกเรา สมกับชื่อ ภูผาเอราวัณ ด้วยหน้าผาที่มีลักษณะคล้ายกับเศียรของช้างเอราวัณ วิวของท้องฟ้ากับขุนเขา มันทำให้ลืมความเหนื่อยจนหมด ดื่มด่ำกับทัศนียภาพ คุ้มค่ากับการเดินทางมาจริงๆครับ ภาพถ่ายโดย ( Tanatcha )