หมอก ใครได้ยินคำนี้มักคิดถึงหน้าหนาวและบรรยากาศบนดอยทางภาคเหนือ แต่หลายคนคงไม่รู้ว่ามีหมู่บ้านเล็กๆใกล้กรุงเทพ ที่มีหมอกแอบซ่อนตัวอยู่ไม่เฉพาะแค่หน้าหนาว วันที่1 ทริปนี้เราจะพาทุกคนแบกเป้ไปล่าหมอกกันที่ หมู่บ้านอีต่อง ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี การเดินทางก็แสนง่าย โดยแบ่งออกเป็น3ช่วง ช่วงแรก เรานั่งรถตู้จากสายใต้ใหม่ ปิ่นเกล้า ไปลงที่ขนส่งกาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2-3ชั่วโมง ค่ารถ120 บาท ในช่วงที่สอง พอลงรถที่ขนส่งกาญจนบุรีแล้ว เดินเข้าไปด้านในสุดของสถานีขนส่งเลยค่ะ ติดกับทางเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องกลัวหลงเพราะมีพี่ๆพนักงานคอยเรียกขึ้นรถอยู่ รถที่เราจะนั่งเป็นรถเมล์หวานเย็นไม่มีแอร์นะจ๊ะ ค่ารถ 80 บาท นั่งไปประมาณ 3 ชั่วโมง ก็จะถึงตลาดทองผาภูมิ เค้าจะจอดตรงแถว 7-11 เดินเข้าไปในตลาดนิดนึงจะเห็นรถสองแถวสีเหลืองหน้าตาสดใสจอดอยู่ เขียนว่า ทองผาภูมิ- อีต่อง การเดินทางในช่วงที่สาม เจอรถสองแถวแล้วอย่ารอช้ารีบขึ้นเลยค่ะ รถมีแค่ 4รอบต่อวันเริ่ม 10.30-12.30 น. ออกทุก30นาที ค่ารถ 80บาท กับการเดินทางขึ้นเขา 399โค้ง เราไม่ได้นับนะ แต่มีคนนับไว้ วันนี้คนไม่เยอะมากเพราะเป็นวันธรรมดา มีน้องที่เป็นคนในหมู่บ้านนั่งมาด้วย น้องบอกว่าวันหยุดคนจะเยอะมากต้องยืนโหนไป นั่งมาได้ซักพักใหญ่รถก็จอดที่จุดพัก ซึ่งเป็นจุดรับสัญญาณโทรศัพท์ พี่คนขับหยุดรถให้ได้ถ่ายรูปเล่นกัน พี่คนขับถามพวกเราที่นั่งมาว่ามีใครจะเหมารถไปเที่ยวบ้าง พี่เค้าคิด800 พี่เค้าจะพาไป4ที่ คือ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น ช่องทางมิตรภาพ เนินเสาธง และไปดูพระอาทิตย์ตกที่เนินช้างศึก หลังจากนั่งปรึกษากันบนรถเราก็รวบรวมสมาชิกได้ทั้งหมด6คน พอถึงหมู่บ้านเราก็นัดแนะเวลาสถานที่สำหรับรวมตัว และเดินทางสู่จุดหมายแรก น้ำตกจ๊อกกระดิ่น น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เพี้ยนมาจากคำว่า"ก๊อกกระด่าน" ซึ่งเป็นภาษาพม่า มีความหมายว่า น้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินผา เป็นน้ำตกที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เกิดจากน้ำที่ผุดขึ้นที่ภูเขาอีปู่ ซึ่งอยู่ในเหมืองแร่เก่า ใครที่ได้เล่นน้ำที่นี่ก็เหมือนอาบน้ำแร่ไปด้วยในตัว ใครอยากผิวดีต้องลองมาแช่ตัวดู ช่องทางมิตรภาพ จุดหมายที่สองของเรา ความจริงก็เป็นช่องทางที่เชื่อมต่อระหว่างไทย พม่านั่นเอง เราสามารถเดินไปถ่ายรูปได้ จะมีทหารพม่ายืนประจำอยู่ที่ป้อมเสียดายวันที่เราไปมีหมอกเยอะเลยมองอะไรไม่ค่อยเห็น เนินเสาธง จุดหมายที่สามนี้อยู่ใกล้ๆกับช่องทางมิตรภาพ เดินขึ้นบันไดไปก็เป็นลานไม่กว้างมากและมีเสาธงตั้งอยู่ สมชื่อเนินเสาธง แต่พี่คนขับบอกเราว่าจะถ่ายรูปตรงไหนก็ได้แต่ห้ามขึ้นไปที่บันไดฝั่งตรงข้าม เพราะเป็นของทางพม่า บริเวณด้านหน้าก็จะมีร้านของฝากที่มาจากพม่าขายอยู่เป็นพวกขนมขบเคี้ยวคุ๊กกี้ต่างๆ เนินช้างศึก จุดหมายสุดท้ายของวันนี้ เราจะได้ดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ เนินช้างศึกเป็นจุดชมวิวยอดนิยมเพราะสามารถมองเห็นวิวแบบ 360องศา รวมถึงสามารถมองเห็นหมู่บ้านปิล็อกได้อีกด้วย และยังมีลานสำหรับกางเต็นท์ ขนาดในวันพฤหัสบดีอย่างนี้ยังมีคนมากางเต็นท์ เล่นดนตรีกันเลย พี่คนขับบอกว่าถ้าวันเสาร์ อาทิตย์ จะมีคนมากางเต็นท์เต็มลานเลย วันที่2 เราเริ่มต้นวันด้วยการใส่บาตร พระท่านจะลงมาบิณฑบาตช่วงก่อน 07.00น. ซึ่งจะมีชาวบ้านตั้งโต๊ะขายอาหารแห้งสำหรับตักบาตรเป็นชุดๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ทำบุญกัน หลังจากตักบาตรเรียบร้อยเรากลับมาที่ที่พัก เพื่อทานอาหารเช้า และออกไปเดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน ความจริงหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ เดินซักครึ่งชั่วโมงก็รอบหมู่บ้านแล้ว บรรยากาศรอบๆหมู่บ้านเงียบสงบ และเป็นกันเองมากๆ ผู้คนคุยเล่นกัน แนะนำอาหาร หรือของฝาก ให้นักท่องเที่ยว ของฝากส่วนใหญ่ของที่นี่ก็จะมาจากพม่า เพราะขนส่งได้สะดวก รวมถึงอาหารทะเล เช่นปูกับกุ้ง แต่วันนี้เป็นวันศุกร์ร้านค้าเลยไม่ได้เตรียมของไว้ แม่ค้าบอกว่าส่วนใหญ่ของจะเข้ามาวันเสาร์ อาทิตย์ เพราะมีนักท่องเที่ยวเยอะ ร้านขายอาหารและเรื่องดื่มที่นี่ราคาไม่แพงแถมแม่ค้าใจดีมาก มีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะแยะเลย ทั้งบริเวณหมู่บ้าน และทางเข้าเหมืองสมศักดิ์ ทางเข้าเหมืองสมศักดิ์ด้านในจะมีบ่อน้ำเล็กๆที่เต็มไปด้วยปลา ส่วนตัวเหมืองต้องนั่งรถไกลออกไป เหมืองสมศักดิ์นี้มีที่พักและร้านขนมเค้กที่ป้าเกล็นเป็นเจ้าของ ซึ่งตัวที่พักก็เก็บเรื่องราวของป้าเกล็นและสามีคือลุงสมศักด์ที่เสียชีวิตไปนานแล้ว เรียกว่าเป็นตำนานที่คนที่ไปปิล็อกต้องไปเยี่ยมเยือนกันเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ป้าเกล็นได้ย้ายลงมาขายขนมใกล้ๆกับหมู่บ้านแล้ว ก็เลยได้แค่ถ่ายรูปเล่นบริเวณทางเข้าเหมือง เราออกจากห้องพักอีกทีตอนช่วงเย็น เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาที่หมู่บ้านมากขึ้น ชาวบ้านบอกว่าถ้าเป็นวันเสาร์จะมีถนนคนเดินด้วย วันที่3 วันนี้เป็นเช้าวันเสาร์ผู้คนเริ่มเดินทางเข้าหมู่บ้านกันตั้งแต่เช้ามีรถจอดเต็มลานจอดด้านหน้า คนก็ออกมาถ่ายรูปซื้อของ ชมหมอกยามเช้ากันเยอะ ร้านค้าเปิดกันตั้งแต่เช้าไม่เหมือนเมื่อวานที่เปิดกันช่วงสายๆ วันนี้เป็นวันเดินทางกลับ เราออกจากที่พักและตรงไปที่รถสองแถวจอด รถออกจากหมู่บ้านจะมี4รอบ ตั้งแต่06.30-08.00น. ทุกครึ่งชั่วโมง เราขึ้นรถรอบ08.00น. วันนี้คนเต็มจนต้องยืนโหนกันเลยทีเดียว เราแนะนำถ้าใครที่จะไปควรซื้อของและเก็บกระเป๋ากันให้เสร็จก่อนเช้าวันกลับ แล้วรีบขึ้นรถตอนคนยังน้อยๆอยู่ ไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์ได้โหนรถจนถึงทองผาภูมิแน่ ก็จบไปแล้วสำหรับทริปล่าหมอก 3วัน2คืน ของเรา ความจริงมีหลายอย่างที่ไม่เป็นตามหวังและหลายอย่างที่ไม่ได้คาดหวัง หลายคนกลัวการออกไปท่องเที่ยว กลัวต้องไปคนเดียว กลัวหลง กลัวไม่มีเงิน แต่ถ้าผ่านมันมาได้ เราจะได้หลายอย่าง ทั้งเพื่อนใหม่ เส้นทางใหม่ที่เราไม่รู้จัก และมุมมองใหม่ๆที่เราไม่เคยมองเห็น