เมื่อเอ่ยถึงชื่อ "อำเภอสังขละบุรี" แห่งจังหวัดกาญจนบุรี หลาย ๆ คนคงอดนึกถึงความเป็นมอญไปมิได้ เพราะสัญลักษณ์สถานที่ท่องเที่ยว ๆ เด่น ๆ สถานที่หนึ่งของสังขละบุรีก็หนีไม่พ้น "สะพานมอญ" โดยผู้เขียนได้เคยรีวิวประสบการณ์ท่องเที่ยวสะพานมอญไว้ที่ https://cities.trueid.net/post/32880 เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปอ่านกันได้นะคะ อ๊ะ ๆๆ สงสัยหละสิ ว่าถ้าหากวันนี้ผู้เขียนไม่ได้จะมารีวิวสะพานมอญ แล้วจะเอ่ยถึงสะพานมอญขึ้นมาทำไมกันนะ .. วันนี้ผู้เขียนจะพาทุกท่านเยี่ยมชมวัดและเจดีย์กันค่า สถานที่แรกในวันนี้มีความเกี่ยวข้องกับสะพานมอญตรงที่เป็นสถานที่ที่สำคัญเกี่ยวกับ "หลวงพ่ออุตตมะ" เช่นเดียวกันนั่นเองค่า ซึ่งนั่นก็คือที่ "วัดวังก์วิเวการาม" ค่ะ หลวงพ่ออุตตมะคืออดีตเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการามที่มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่ง และท่านมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการเกิดขึ้นของสะพานมอญ เนื่องจากสะพานมอญนั้นเกิดขึ้นมาจากดำริหรือความคิดของหลวงพ่ออุตตมะนั่นเองค่ะ โดยท่านมีความตั้งใจจะให้สะพานมอญนั้นเป็นสะพานเชื่อมต่อไว้สัญจรไปมาระหว่าง "ฝั่งโน้นและฝั่งนี้" หรือ "ฝั่งไทยและฝั่งมอญ" นั่นเอง เพราะฉะนั้นสะพานมอญที่มีชื่อเสียงในด้านการเป็นสถานที่ยอดฮิตในปัจจุบันนี้จะถือกำเนิดขึ้นมามิได้เลย หากขาดหลวงพ่ออุตตมะไป วันนี้เราจึงจะพาเพื่อน ๆ ชาวทรูไอดีมาเยี่ยมชมวัดวังก์วิเวการามที่มีความเกี่ยวข้องและผูกพันกับท่านโดยตรงกันค่า ผู้เขียนมาเยี่ยมชมในช่วงปีใหม่ เพราะฉะนั้นคนจึงเยอะมากเลยค่ะ สถานที่หลักภายในวัดที่คนมักจะไปเคารพกราบไหว้กันก็คือในปราสาทเก้ายอดค่ะ ภายนอกสวยงามอลังการงานสร้างเป็นอย่างมากค่ะ เห็นได้ถึงความใส่ใจในการสร้างเป็นอย่างมากเลย ภายในปราสาทเก้ายอดจะมีหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่ออุตตมะ และจะมีโลงที่บรรจุสังขารของหลวงพ่ออุตตมะไว้ด้านหลังของหุ่นขี้ผึ้งค่ะ นับได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญของวัดวังก์วิเวการามเลย ผู้เขียนอาจไม่สามารถใส่ภาพได้มากเท่าที่ควรนะคะ เนื่องจากคนมาท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่เยอะมากจริง ๆ ค่ะ ถ่ายมุมไหนก็ติดใบหน้าคนเต็มไปหมดเลย แต่รับประกันได้ว่าปราสาทเก้ายอดมีความสวยงามคุ้มค่าแก่การมาเยี่ยมชมแน่นอนค่า และยิ่งในช่วงเทศกาลเช่นนี้ ผู้คนก็จะยิ่งคึกคักกันมากเลยค่ะ มีทั้งชาวมอญและชาวไทยปะปนกันไป คาดว่าคนน่าจะเยอะเช่นนี้ในทุก ๆ เทศกาลค่ะ เพราะวัดวังก์วิเวการามนี้ถือเป็นอีกวัดสำคัญของทั้งชาวไทยและชาวมอญเลยค่า นอกจากนี้ผู้เขียนก็ยังได้แวะเข้าไปเยี่ยมชมวิหารหินอ่อน ซึ่งในตอนนี้อยู่ในช่วงบูรณะซ่อมแซมอยู่ จึงไม่ค่อยมีคน แต่ก็ยังสามารถเข้ามาเคารพกราบไหว้พระพุทธรูปหยกขาวภายในวิหารหินอ่อนนี้ได้อยู่นะคะ ระหว่างทางเดินก็จะมีรูปถ่ายต่าง ๆ ติดอยู่ตลอดเส้นทางเดิน มีทั้งรูปบรรยากาศเมืองสังขละบุรีและรูปบรรยากาศงานบุญต่าง ๆ ค่ะ เดินชมภาพได้เพลิน ๆ เลยค่า สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกัน อยู่ไม่ห่างจากวัดวังก์วิเวการามเลยค่ะ นั่นก็คือ "เจดีย์พุทธคยา" เป็นอีกสถานที่ที่เกิดขึ้นมาจากดำริของหลวงพ่ออุตตมะเช่นเดียวกัน โดยท่านมีความตั้งใจที่จะสร้างจำลองเจดีย์พุทธคยาในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ท่านจึงมีความตั้งใจที่จะสร้างจำลองขึ้นเพื่อให้เป็นจุดศูนย์รวมอีกแหล่งหนึ่งของชาวพระพุทธศาสนา ผู้เขียนมาถึงเวลาประมาณเที่ยง แต่คนก็ยังเยอะพอสมควรเลยค่ะ ที่จอดรถหายากพอสมควร หากใครต้องการมาแวะเยี่ยมชมอาจต้องวางแผนเรื่องเวลาดี ๆ หน่อยนะค้า เมื่อผู้เขียนแวะชมเจดีย์พุทธคยาและหาของทานบริเวณนั้นจนอิ่มหนำ ก็จะเดินทางไปกันต่ออีกที่หนึ่งค่ะ ซึ่งสถานที่ต่อไปไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับหลวงพ่ออุตตมะแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญหนึ่งของประเทศไทยค่ะ นั่นก็คือที่ "ด่านเจดีย์สามองค์" ค่า หากเดินทางมาจากเจดีย์พุทธคยาจะใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงนะคะ ด่านเจดีย์สามองค์เป็นเขตสิ้นสุดแดนตะวันตก เป็นฝั่งติดต่อกันระหว่างไทยและเมียนมาร์ เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปกราบไหว้สักการะกันได้ตามอัธยาศัยเลยค่า หากใครที่เป็นสายชอบศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์น่าจะสนุกกับการได้เห็นด่านเจดีย์สามองค์มากพอสมควร แต่หากใครไม่ใช่สายประวัติศาสตร์หนัก ๆ เช่นผู้เขียน ก็สามารถเดินแวะเข้าไปดูสินค้าภายในด่านเจดีย์สามองค์ได้นะคะ เดินเข้าไปด้านในก็จะมีแหล่งขายสินค้าละลานตาเต็มไปหมดเลยค่า กลุ่มทริปของผู้เขียนได้แวะซื้อเก้าอี้ไม้กลับมาตัวนึง คุณภาพดี ราคาน่าคบหามากค่า พ่อค้าแม่ค้าในบริเวณนั้นก็อัธยาศัยดียิ้มแย้มแจ่มใส มีสินค้าทั้งแนวอุปโภคและบริโภคให้เลือกสรรได้ตามใจเลย หากใครจะมาทานข้าวเที่ยงที่นี่ก็ได้นะคะ เท่าที่ผู้เขียนเดินมานั้นก็เห็นว่ามีร้านอาหารที่มีโต๊ะนั่งทานอยู่หลายร้านพอสมควรค่ะ เป็นอีกตัวเลือกในการทานมื้อเที่ยงได้เช่นกัน ~ สำหรับวันนี้ผู้เขียนคงต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วนะคะ หวังว่าจะได้มีโอกาสมาแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ชาวทรูไอดีใหม่ในครั้งหน้านะคะ สวัสดีค่า ~