สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ใช้ชีวิตในวันหยุดให้เวลาได้หมุนไปช้าๆให้หายปวดหลังจากการก้มหน้าก้มตาทำงานในออฟฟิตมาทั้งอาทิตย์ที่ใกล้กรุงเทพฯ อีกที่หนึ่งอย่างจังหวัดลพบุรีก็นับได้ว่าเป็นจังหวัดที่ผู้คนเลือกที่จะใช้เป็นสถานที่พักกายอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งใกล้ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานเอาเวลาในการเดินทางนานๆไปพักผ่อนจะดีกว่าทั้งนี้ทั้งนั้นสองข้างทางยังเต็มไปด้วยธรรมชาติที่มีทั้งแม่น้ำ เขื่อน ป่าเขาและวิถีชีวิตของชาวไร่ที่ยังดำเนินวิถีชีวิตอย่างช้าๆไม่เร่งรีบแบบคนเมืองอย่างเราเคยสัมผัสจนคุ้นชิน อำเภอพัฒนานิคมเป็นอำเภอหนึ่งที่ยังเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์มากมายให้ได้สัมผัสตลอดข้างทางยิ่งเดินทางด้วยรถสองล้อแล้วละก็ ได้เอาใบหน้าสัมผัสกับลมที่พัดผ่านเขื่อนป่าสักฯทำให้รู้สึกดีและยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัวเลยก็ได้ ล้อเริ่มหมุนหลังจากกดปุ่มสตาร์ทได้ไม่นานในเวลาประมาณ 7.30 น. ที่สมุทรปราการโดยมีนัดกับเพื่อนอีกสองคันที่แยกหินกอง จ.สระบุรี โดยที่ไม่ได้นัดเวลากันมากมายเพราะปล่อยให้บรรยากาศสองข้างทางมันกำหนดเวลาให้เองใครถึงก่อนก็โทรเช็คว่าคันที่เหลือใช้เวลาอีกนานแค่ไหนที่จะถึง ถ้าเร็วก็รอ ถ้านานก็ไปก่อน ผมเลือกใช้เส้นทางที่ผ่านศรีนครินทร์มุ่งหน้าสู่ลาดกระบังโผล่อออกมีนบุรีแล้วไปออกก่อนถึงแยกหินกองไม่ไกลมากแล้วก็ถึงประมาณ 10 โมงเช้า เราถึงก่อนกันไม่นานนักเลยเลือกที่จะรอ ทานข้าว เติมน้ำมัน กันเรียบร้อยก็ออกเดินทางต่อ เดินทางอีกไม่นานนักก็ถึงจุดนัดหมายของเรา อาจจะหลงกันไปคนละทางบ้างแต่ก็ถึงเวลาไล่เรี่ยกันแต่บอกก่อนว่าถ้าเดินทางเส้นทางหินกอง-ลพบุรี รถบรรทุกเยอะและถนนมีหลุมมีบ่อค่อนข้างเยอะต้องค่อยๆขับและระมัดระวังในการเดินทางกันด้วยนะครับ ถึงช้าแต่ปลอดภัยต่อคนและทรัพย์สอนจะดีกว่าเดี๋ยวจะได้เปลี่ยนที่พักผ่อนเป็นโรงพยาบาลแทนเอาได้😅“สำหรับใครที่ใช้ Vespa จะรู้ดีว่าห้องเครื่องจะร้อนกว่าชาวบ้านเขา จะต้องถอดช่องเก็บของใต้เบาะเพื่อช่วยระบายน้องถึงจะหายร้อนเร็ว” จุดนัดพบที่ได้บอกไปตอนแรกคือ “แต้มสุข Coffee & Folk” ร้านกาแฟและดนตรีโฟล์คของพี่ชายที่รู้จัก แต้มสุข Coffee & Folk เป็นคาเฟ่ที่ตั้งเล็กๆแต่อบอุ่นตั้งอยู่กลางป่าสักที่ให้ร่มและลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน กาแฟเมล็ดพิเศษและเมนูพิเศษจากทางร้านมากมายให้ได้ลองช่วงเย็นๆก็จะมีโฟล์คซองกับเพลงแนวสบายๆผ่อนคลายให้ได้ฟังกันด้วยเพราะเปิดถึงค่ำมืดกันเลย แต้มสุข Coffee & Folk เป็นคาเฟ่เล็กๆแต่เต็มไปด้วยความเป็นกันเองของเพื่อนๆที่มาเยือนและอุปกรณ์สกัดกาแฟดีๆสักแก้วมีหลากหลายแบบตามที่เพื่อนๆชอบได้เลย มีทั้งแบบ Drip Machine Aeropress เป็นต้น และเป็นคาเฟ่ที่รวบรวมผลงานทางศิลปะของศิลปินหลากหลายแนวให้ได้ชมกัน หมาหน้ามึนที่มีนามว่า เอด้า เป็นมิตรกับทุกคน ถ้าสนิทกับใครแล้วจะกวนจนเหนื่อยกันไปข้าง” ถ้าหากใครชอบสายวาดภาพ ศิลปะ ก็สามารถนำอุปกรณ์การวาดภาพไปนั่งวาดภาพแช่กันยาวๆได้เลยเพราะเจ้าของคาเฟ่ชอบศิลปะมากๆอ่อ…แต้มสุขมีสติ๊กเกอร์แต้มสุขแจกด้วยนะบรรยากาศโดยรอบของร้านจะเป็นป่าสักที่มีเปลและฟลายชีทแนวแคมปิ้งให้เพื่อนๆได้พักผ่อนพร้อมดื่มกาแฟและเมนูอื่นจากทางร้านในบรรยากาศที่เงียบสงบใช้เวลาอยู่กับตัวเองได้ดีเลยทีเดียว เรามีกิจกรรมเล็กๆเพื่อผ่อนคลายที่ริมท้ายเขื่อนในช่วงเย็นระหว่างที่รอเวลาก็ได้เอาอุปกรณ์วาดภาพออกมากวาดสีกันให้เป็นภาพเพื่อใช้เวลาและศิลปะให้ผ่อนคลาย 4.30 น. เป็นช่วงเวลาที่กำลังเหมาะสม ลมเย็นๆพัดผ่าน ดวงอาทิตย์ลดอิทธิฤทธิ์ของความร้อนลดลงได้นิดหน่อยพอที่จะเคลื่อนย้ายไปท้ายเขื่อนต่อได้เราก็ขนสัมภาระและเสบียงไปต่อกันที่เขื่อนเพื่อร่วมกิจกรรมที่เราได้จัดมันขึ้น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็นเขื่อนที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และรอบๆเขื่อนยังมีป่าไม้ หมู่บ้าน วิถีชีวิตของชาวบ้านที่ยังคงเสน่ห์ของชนบทที่หลายๆคนอยากไปสัมผัสทำให้ผู้คนเลือกใช้พื้นที่แห่งนี้ในการแคมปิ้งพักผ่อนเป็นจำนวนมาก ทั้งมากับหมู่เพื่อนฝูงและครอบครัวและอุปกรณ์แคมปิ้งหลากหลายสไตล์ กิจกรรมในครั้งนี้เลยเลือกพื้นที่ห่างไกลผู้คนหน่อยเพื่อให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างเงียบสงบจึงต้องเดินทางต่อจากแต้มสุข Cofee & Folk อีกไกลพอสมควรสองข้างทางหนึ่งจะเห็นวิวเขื่อนที่มีแสงสีส้มของดวงอาทิตย์กระทบกับคลื่นทำให้เกิดประกายระยิบระยับชวนมองอีกฝั่งของถนนก็เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ต้อนแพะตอนควายกลับบ้านบ้างก็กลับจากไร่หอบฟืนเพื่อทำกับข้าวเย็นกัน พอถึงสถานที่ท้ายเขื่อนที่เรานัดกันแล้วก็ปล่อยให้เวลาดำเนินไปด้วยกิจกรรมที่เราได้ทำขึ้น บ้างทำกับข้าวเพื่อแบ่งปันกัน บ้างถ่ายรูปคู่กับแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า บ้างก็วาดรูป เล่นกีตาร์ร้องเพลง สานสัมพันธ์มิตรภาพกันอย่างอบอุ่น กิจกรรมได้ดำเนินไปด้วยความอบอุ่นทั้งการวาดรูป ร้องเพลงรอบกองไฟ ทำกับข้าวร่วมกันเวลาก็ผ่านไปถึง 22:30 น. ก็ได้เวลาแยกย้ายเพราะสถานที่ไม่มีห้องน้ำอำนวยความสะดวกจึงต้องกลับไปกางเต๊นท์นอนเป็นเพื่อนเอด้าหมาหน้ามึนที่แต้มสุข Coffee & Folk ต้องขอบคุณเจ้าเอด้าที่กวนทุกคนจนตื่นแต่เช้าเลยชวนกันไปชมบรรยากาศเขื่อนและสะพานรถไฟข้ามเขื่อนป่าสักฯที่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก สองข้างทางในยามเช้าจะมีพ่อค้าแม่ค้าขายข้าวเช้า น้ำเต้าหู ส้มตำ หมูปิ้งให้ได้เติมพลังก่อนไปใช้พลังในการเดินไปชมสะพานรถไฟข้ามเขื่อนเลยเลือกฝากท้องไว้กับข้าวเหนียวไก่ย่างของรถซาเล้งคุณยายที่จอดขายหน้าเขื่อน“สุนัขเจ้าถิ่นรอเก็บค่าคุ้มครองเป็นไก่ย่าง ตับย่างสักไม้ก็ผ่านด่านได้” เราจอดรถที่ป้ายเขื่อนบริเวณสถานีรถไฟภายในเขื่อนป่าสักฯ และเดินทางตามรางรถไฟไปพร้อมข้าวเหนียว ไก่ย่าง ปาท่องโก๋ น้ำเปล่าคนละถุงและเดินไปยังสะพานรถไฟข้ามเขื่อน ระยะทางประมาณ 600 เมตรได้ ระหว่างเดินก็ให้สังเกตฟังเสียงรถไฟดีๆกันด้วยนะครับ พร้อมกับหาพื้นที่ข้างรางพร้อมที่จะหลบตลอดระยะทางด้วยและก็อาหารที่นำไปก็รบกวนเก็บถุงพลาสติกกลับมาทิ้งให้ถูกที่เพื่อรักษาความสะอาดให้ธรรมชาติที่น่าเที่ยวอยู่กับเรานานๆ พอแดดเริ่มร้อนก็ได้เวลากลับไปยังแต้มสุข Coffee & Folk เพื่อบอกลาและกลับบ้าน “แต้มสุขมีโปสการ์ดน่ารักๆฝากให้พวกเราก่อนกลับ”แล้วเราจะกลับมาเยือนอีก ขอบคุณมิตรภาพที่อบอุ่น#Doi Diary ลำดับภาพ : Doi Diary (เจ้าของบทความ)ดำเนินเรื่อง : Doi Diary , แต้มสุข , และผองเพื่อน ,เจ้าเอด้าหมาหน้ามึนFont หน้าปก : หมาจ๋า โลเคชั่นแต้มสุข Coffee & Folk : แต้มสุข coffee & folkhttps://maps.app.goo.gl/FSotajK4Vtx593YJ8?g_st=icเปิดทุกวัน 09:00 - 19:00 น.อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !