เราเคยได้ยินชื่อเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเห็นรูปภาพผ่านกลุ่มโพสรูปต่างๆ ว่าที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถูกเรียกอีกชื่อว่า "สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย" แต่นั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่เราสนใจ และทำให้เราอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศของที่นี้หรอกนะ เราหลงไหลการเดินทางแบบ Roadtrip ขับรถเล่นไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั้น และที่เขื่อนป่าสักขลสิทธิ์ก็เป็นอีกที่ ที่เราสามารถจอดนอนในรถ หรือมากางเต็นท์ที่นี้ได้ แต่การมาจอดนอนที่นี้ก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังในตอนท้ายว่าควรจะเตรียมตัวยังไงบ้างถึงแม้ว่าเราจะได้มีโอกาสเดินทาง ทำในสิ่งที่เรารัก สร้างสรรค์ผลงานให้กับคนที่ติดตามการเดินทางเรื่องราวของเรา แต่บางครั้งเราก็ Burnout "ภาวะหมดไฟ" ได้เหมือนกัน จากที่เราได้เคยเล่าไปก่อนหน้านี้ว่าเราหมดไฟกับงานที่เรารัก การเดินทางออกจากบ้านครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนการฮีลใจเราอีกอย่างหนึ่ง การเดินทางออกจากสภาวะเดิมๆ ที่เราเจอในชีวิตประจำวัน เป็นตัวช่วยให้เราหลุดออกจากความคิดและกิจวัตรเดิมๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน การพาตัวเองออกไปทำในสิ่งที่เราชอบก็ช่วยลดอาการหมดไฟได้เช่นกัน เขื่อนปาสักชลสิทธิ์มีฤดูกาลของตัวมันเอง เช่นเดียวกับชีวิตของคนเรา ก่อนหน้านี้เราไม่รู้หรอกนะ ว่ามันมีช่วงที่เราสามารถลงไปกางเต็นท์ได้ช่วงไหนบ้าง คิดเองว่าเราสามารถไปชมบรรยากาศเหมือนในรูปที่โพสตามอินเตอร์เน็ตได้ตลอดทั้งปี แต่เพิ่งจะมาเข้าใจปีนี้ว่าเราสามารถลงไปเดินเล่น ถ่ายรูป และกางเต็นท์บริเวณด้านล่างของเขื่อนเฉพาะช่วงน้ำลดเท่านั้น และนั้นก็คือช่วงนี้ค่ะทุกคน ช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นไป เป็นช่วงที่เขื่อนปล่อยน้ำทำให้น้ำในเขื่อนลดลงและเราสามารถลงไปด้านล่างเพื่อตั้งแคมป์ได้ ส่วนใหญ่แล้วผู้คนจะชอบมาปิกนิก นั่งเล่นกันช่วงเย็นๆ ตั้งแต่ 4 โมงเป็นต้นไป เรามาถึงตอนประมาณบ่าย 3 โมง เรียกได้ว่า "ไหม้" เรามาถึงก่อนเพราะเราอยากมาวนดูรอบๆ เพื่อหาจุดที่เราจะตั้งแคมป์คืนนี้ แต่ถ้าใครตั้งใจมาชมพระอาทิตย์ตกดิน นั่งเล่น ดื่มด่ำบรรยากาศ เราแนะนำให้มา 4 โมงเย็น แสงและความร้อนของคุณพระอาทิตย์กำลังพอดีเลย "ไม่ไหม้จนเกินไป" จุดที่สามารถมาชมบรรยากาศยามเย็นที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีหลายจุด แต่จุดที่สามารถมาจอดนอนแคมป์ได้คือที่ท้ายเขื่อนบ้านท่าฤทธิ์ ตรงบริเวณนี้มีร้านค้าขายน้ำดื่ม ลูกชิ้นทอด และยำลูกชิ้น ถ้าใครไม่ได้เตรียมอะไรมา แวะมาอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าจากในชุมชนที่นี้ก็ได้นะ ช่วงเย็นผู้คนมาตั้งแคมป์ปักหลักกันเยอะเลย ยิ่งช่วงประมาณ 5 โมงเป็นต้นไป ก็จะเริ่มมีลมเย็นๆ พัดมาอยู่เรื่อยๆ บรรยากาศดี ไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนช่วงบ่ายๆ คนในพื้นที่เริ่มไล่ต้อนฝูงวัว ควาย และน้องแพะกลับบ้าน ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของที่นี้ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินผู้คนก็เริ่มทยอยกลับ วันที่เราไปเป็นวันธรรมดา มีเพียง 2-3 กลุ่มที่จอดแคมป์ กางเต็นท์ที่นี้คืนนี้ เราเข้านอนเตรียมพื้นที่จัดที่นอนในรถตั้งแต่หัวค่ำ เพราะเราเดินทางคนเดียวการนั่งข้างนอกรถนานๆ อาจจะไม่เหมาะเท่าไร เราหลงไหลบรรยากาศยามเช้าของที่นี้มากๆ เลย มันแตกต่างจากตอนเย็นมากๆ เราตื่นเช้ามาประมาณ 6.30 น. กลุ่มคนที่มากางเต็นท์เหมือนกันเมื่อคืนนี้ เริ่มทยอยเก็บของกลับกัน เราตั้งใจชงกาแฟยามเช้าและเขียนบันทึกก่อนจะเดินทางต่อ ช่วงเช้าคนในพื้นที่ไล่ต้อนฝูงสัตว์เลี้ยงลงมาในเขื่อน เพื่อที่จะได้ให้สัตว์ต่างๆ ได้กินเล็มหญ้า กินน้ำที่บริเวณเขื่อนแห่งนี้ พอเราได้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ก็ทำให้เรามองย้อนกลับมาที่ชีวิตเราเองอยู่บ่อยครั้ง และแอบยิ้มให้ตัวเองเสมอ เพราะบางครั้งในชีวิตของเราก็ชอบหลงลืมทำอะไรให้มันยุ่งยากเกินไป เราขยับรถมาใต้ร่มไม้เพราะช่วงเวลา 8 โมง แสงคุณพระอาทิตย์ก็เริ่มไล่เราแบบรุนแรง...อย่างที่เราบอกไปข้างต้นสำหรับการมาแคมป์ปิ้ง กางเต็นท์ที่นี้มีข้อจำกัด ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จุดบ้านท่าฤทธิ์ ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีไฟฟ้า จุดที่ใกล้ที่สุดสำหรับห้องน้ำจะมีร้านค้าริมเขื่อน และขับต่อไปอีกหน่อยเข้าได้ที่วัดท่าฤทธิ์ จุดร้านค้ามีค่าบริการ 10 บาท ส่วนที่บ้านจะเป็นกล่องรับบริจาค และถ้าเรากางเต็นท์ ที่นี้ไม่มีค่าบริการนะ สามารถไปเลือกจุดกางเต็นท์กันได้ตามสะดวก แต่อย่าลืมเก็บขยะกลับกันด้วยเช้านี้เรามีความสุขมากนะ เป็นช่วงเวลาที่ฮีลใจเราได้ดีมากๆ เลย สำหรับใครที่กำลังหมดไฟ ลองออกเดินทางเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ หรือลองทำสิ่งที่รัก ก็ช่วยลดอาการ Burnout ได้เหมือนกัน กลับมาดูแลใจของตัวเราเองกันด้วยนะ อย่าทิ้งเอาไว้นานจนเราหมดไฟ เพราะคนที่ดูแลตัวเราได้ดีที่สุด ก็คือ "ตัวเราเอง" เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฝั่งลพบุรี บ้านท่าฤทธิ์ พิกัด : https://goo.gl/maps/g3ZQTW4wYFMrVYxr7วัดท่าฤทธิ์พิกัด : https://goo.gl/maps/Tf4drQq1oJJwBPARA เครดิตภาพ: ภาพหน้าปก : ภาพโดย ผู้เขียน ตกแต่งโดย Canvaภาพ 1-6 : ภาพโดย ผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !