ทริปท่องเที่ยวของการรถไฟ ที่คิวแน่นเวอร์ เปิดเมื่อไหร่ต้องรีบจองเพราะเต็มเร็วมาก ๆ เนื่องจากเปิดแค่ปีละครั้ง ให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงฤดูหนาว พฤศจิกายน - มกราคม (ถึงแม้อากาศจะไม่หนาว ก็นับตามฤดูเอาแล้วกันเนอะ) กับทริป นั่งรถไฟเที่ยว รถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี นั่นเองงงง เงงงง เงงง ทริปนี้เราจองกันตั้งแต่วันแรกที่เปิดจองเลย จำวันไม่ได้แล้ว จองจนลืมว่าจะไป 55 5 ได้การตอบรับจากสมาชิก 5-6 คน ใครตอบรับเราจองทันที ใครช้าอด เพราะรอกันไม่ได้ เดี๋ยวตั๋วเต็ม !! โทรจองกันเรียบร้อย ได้วันเดินทางวันที่ 22 ธันวาคม 2562 นั่งแบบพัดลม ชั้น 3 เพราะบอกแล้วไงว่าเต็มเร็วมากเวอร์ จนตู้แอร์เต็ม ต้องนั่งแยก ๆ กัน เลยมาจบที่ เอ้อ พัดลมก็ได้ฟระ! คุณเจ้าหน้าที่จะถามว่าสะดวกไปชำระเงินที่ไหน ก็ไปที่นั่นตามที่แจ้งเค้าไว้ จากนั้นก็ไปแจ้งชื่อที่สถานีรถไฟที่เลือกไว้เพื่อชำระเงิน ได้ตั๋วมานอนรอวันเดินทาง และวันนี้ก็มาถึง เพื่อนที่ถือตั๋ว ถือโอกาสว่าบ้านใกล้หัวลำโพง 7 โมงแล้วมันยังมาไม่ถึง!! รถไฟออก 07.10 น. นะ ลุุ้นเกินไป คนบ้านไกลตื่นตั้งแต่ตี 4 มาถึงตั้งแต่ 06.45 น. แต่ใครไม่สะดวกขึ้นที่หัวลำโพง สามารถขึ้นกลางทางตามสถานีที่กำหนดได้ โดยค่ารถไฟจะลดหย่อยลงไป ตรวจสอบอัตราค่าโดยสารได้ที่ http://www.railway.co.th/main/travel/2561-2562SRTPaSakJolasidDam.html ค่ะ ตั้งตารอคอย และนางก็มาถึง ชานชลาที่ 5¾ ผ่าม!! ทำอย่างกับจะไปฮอกวอตส์ ชานชลาที่ 5 พร้อมออกเดินทาง รถไฟออกเลทเล็กน้อยไม่เกิน 10 นาทีค่ะ ระหว่างทางก็ตามประสาคนชั้น 3 ร้อนบ้าง เมื่อยบ้าง แต่ก็สนุกดี ภาพขบวนสีน้ำเงินสวย ๆ อันนี้เป็นรถแอร์นะ ไม่ได้นั่งเห็นสวยดีเลยถ่ายมา ฮ่า ๆ บนรถไฟจะมีของมาขาย แต่สำหรับขบวนที่เป็นรถนำเที่ยว ไม่ได้จอดทุกสถานีแบบนี้ จะเป็นแม่ค้าที่ได้รับอนุญาตจากการรถไฟเพื่อขึ้นมาขายสินค้าบนรถไฟเท่านั้น ไม่ใช่แม่ค้าคนไหนจะขึ้นก็ได้เด้อ มีไกด์เจ้าหน้าที่แจกใบปลิวแนะนำกำหนดการ และสถานที่ท่องเที่ยวให้บนรถไฟนะ และที่แรกที่จะแวะอย่างจริงจังกันแล้ว คือ จุดชมวิวรถไฟลอยน้ำ เราจะมีเวลาอยู่ตรงนีัได้ราว 30 นาที ความโป๊ะของปีนี้คือ น้ำแล้งมาก แล้งจนไม่มีน้ำเลย ไม่ใช่แค่น้ำน้อย ซึ่งในรอบ 7 ปี เพิ่งมีแบบนี้ T------T จ้าาาา ไม่เป็นไรเนอะ ถือว่าเราได้มาในจุดทริป 7 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้หรอกก ได้เห็นพื้นใต้เขื่อนแบบเราป่าววว โถ่ ๆ ฮ่า ๆ จุดนี้สามารถเดินไปหัวรถจักรเพื่อถ่ายรูปได้นะ แต่เราอยู่ไกล กลัวไม่ทันเดินไปเดินมา เลยแค่ถ่ายรูปข้าง ๆ ตู้ก็พอ คนเยอะมาก ๆ น่าจะเกือบพันคนได้สำหรับขบวนนี้ แต่ก็พยายามถ่ายรูปมาแบบไม่ให้ติดคนอะนะ จากนั้นเราไปต่อกันที่ สถานีโคกสลุง ซึ่งสถานีนี้จะมีร้านค้าเป็นตลาดนัดย่อมๆ ตลอดแนวสถานี เป็นสินค้าจากชาวบ้าน ไกด์เล่าว่าการรถไฟอนุญาตให้มาเปิดร้านขายของกันช่วง 3 เดือนนี้เท่านั้น เป็นสินค้าของกินชาวบ้านทั่วไป มีสินค้า OTOP เล็กน้อย เราว่าดีนะ เป็นรายได้ให้ชาวบ้าน คุณยายแก่ ๆ ก็มานั่งขายของกันน่ารักเลย ร้อนหน่อย แต่แม่ค้าพ่อค้าเค้ายิ้มกันเยอะะะ จุดนี้เราอยู่ได้ประมาณ 30 นาทีเช่นกัน ประทับใจตรงพอรถไฟต้องออกแล้ว พ่อค้าแม่ค้า คุณตาคุณยาย พากันโบกมือบ๊ายบายส่งนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา มันเป็นภาพที่น่ารักมาก ไปกันต่อ เราจะลงไปเตร็ดเตร่กัน ที่สถานีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตามโปรแกรมเที่ยวที่แนะนำ จริง ๆ ก็อยากอยู่เขื่อน แต่ไม่มีน้ำเลยออกไปเที่ยวกันข้างนอกดีกว่า รถตู้ 60 บาท ไปได้ 3 ที่ ตามทริปที่เลือกไว้ เราไปกันที่สวนเฟิร์นยักษ์ หรือไร่ทรัพย์ประยูร สถานที่ไม่ใหญ่มากค่ะ มีที่นั่งพักจิบกาแฟ ถ่ายรูปมุมต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นต้นเฟิร์น แต่เราพุ่งไปหาโซนสัตว์ก่อนเลย ทั้งหมูตัวน้อยอ้วนกลม นกหลายชนิด กระต่ายอีก เพลิน ๆ ค่ะ มีให้นมน้องหมูราคาขวดละ 20 บาท แย่งกันกินตามประสาไป แต่นกที่นี่คือเชื่องมากกกก และน่ารักมาก ตัวนี้ชื่อเจ้าเลมอน ฮ่า ๆ ธรรมดาซะที่ไหน ใครยื่นมือไปก็เกาะไปได้หมด ไม่เกี่ยงงอน รับแขกดีมาก นิ่งให้ถ่ายรูป ในกรงก็ยังมีนกหงส์หยก นกแก้ว สามารถเข้าไปถ่ายรูปเล่น ให้อาหารนกได้ค่ะ พวกนางจะบินผ่านหัวเราไปมา แล้วบางตัวก็จะ เกาะที่หัวซะเลย กระต่ายก็น่ารัก รับแขกกันไปหมด แอบถ่ายหัวที่มีนกเกาะของผู้ร่วมทริปที่ไม่รู้จักกันมา แต่ถ่ายนกตอนเกาะหัวเพื่อนตัวเองไม่ทัน ถ้าพี่มาเห็น พี่บอกหนูได้นะ แฮ่ ๆ รถตู้เราสามารถเปลี่ยนคันวันไปได้ค่ะ แต่ถ้าอยากไปคันเดิมตามทริปก็บอกพี่คนขับขอเบอร์ไว้ได้ ส่วนเราคันไหนมา ถามเค้าจะไปไหนต่อ เราก็ไป ตามแพลนที่เราเลือก คือสวนเฟิร์น บ้านกล้วย & ไข่ และทุ่งทานตะวัน แต่พอแวะบ้านกล้วยก็พากันนั่งแหมะ สั่งข้าวตามสั่งกินกันไป เพราะเหนื่อยแล้ว แดดร้อนมาก ๆ แก่แล้วเฉาง่าย 5555 ที่นี่มีร้านกาแฟ แอร์เย็น ๆ ให้นั่งแต่เนื่องจากคนเยอะ เราก็เลยไม่ได้สั่งอะไรกัน มีร้านของฝากด้วยนะ แต่อีกแหละ ไม่ได้แวะ เพรา่ะตาเหลือบไปเห็นทุ่งทานตะวันน้อย ๆ แอบคอตกอยู่ข้าง ๆ พอจะถ่ายรูปได้เลยแวะถ่ายรูปกันตรงนี้ และนั่งรถตู้กลับเขื่อนค่ะ กลับเขื่อนมาแล้ว มาตรงสถานีรถไฟเลย ไม่รู้จะไปไหนแล้ว เดินซื้อน้ำ ซื้อขนมกิน ได้เมล็ดทานตะวันคั่วใหม่ ๆ มา 4 ถุง 100 บาท ดั๊นลืมถ่ายรูปร้านนี้ คุณป้าเจ้าของร้านน่ารักมาก ที่ลืมถ่ายรูปเพราะมัวแต่เถียงกัน เพื่อนอยากได้ดอกทานตะวันปลอมไปถ่ายรูปเล่น ป้าขายให้ 1 ดอก 30 บาท แต่ป้าให้ยืมทั้งช่อมาถ่ายรูปเล่น เถียงกันเรื่องนี้แหละ ทางนี้ก็เกรงใจ ทางนั้นก็จะให้ยืม ยัดใส่มือกันไปยัดกันมา 55555 สุดท้ายก็เอามาถ่ายรูปเล่นกันตรงรางรถไฟ ตรงนี้ลงมาถ่ายรูปได้ โล่ง ๆ ค่ะ แต่อย่าเพลินเกินไป มองซ้ายขวาดี ๆ เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน ฟังประกาศจากเจ้าหน้าที่ดี ๆ ถ่ายรูปกันจนหน้าไหม้ มีน้องหมามายืนมองอยู่ เรียกปุ้บมาหาปั้บ คือ ที่นี่อะไรก็เชื่องไปหมดเลยงี้เหรอ 5555 ก็เลยได้รูปแบบนี้มา แย่งซีนเฉย ถึงเวลากลับบ้าน บรรยากาศที่ไม่ได้ถ่ายไว้ แต่น่ารักมากอีกแล้ววววววว แม่ค้าโบกมือบ๊ายบายส่งทุกคนกลับบ้าน คุณป้าร้านที่ให้ยืมดอกทานตะวัน ก็พากันถือดอกทานตะวันมารอตรงชานชลา โบกดอกไม้ โบกมือ ขอบคุณกันน่ารักมาก แต่เรานั่งคนละฝั่งถ่ายรูปไม่ทัน ได้แต่มอง จริง ๆ สำหรับการเที่ยวครั้งนี้ของเรามันไม่ได้สนุกเต็มร้อย หรือวิวสวยขาดใจหรอก แค่รถไฟลอยน้ำถึงแม้จะไม่มีน้ำ กับความชาวบ้านน่ารักแบบนี้ มันก็อิ่มใจขึ้นมาก ๆ แล้ว :) นั่งฟังเพลงชมวิวข้างทางรถไฟยามเย็น หลับมั่งตื่นมั่ง ก็สนุกดีอีกแบบนะคะ ปีนี้ใครจองไม่ทัน ปีหน้าเอาใหม่ สู้เค้า!!