ช่วงปลายยุคทวารวดี มีมณฑลโบราณที่ชื่อ ละโว้ ครอบครองอำนาจในการปกครองพื้นที่ฝั่งซ้ายของลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่เมืองลพบุรีในปัจจุบัน แต่หลังการสถาปนากรุงศรีอยุธยา มณฑลละโว้จึงถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา อย่างไรก็ดี ละโว้ยังคงความสำคัญในฐานะเมืองลูกหลวงมาโดยตลอดจนกระทั่งรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ฮอลันดาได้ขัดแย้งด้านผลประโยชน์และระบบการค้าผูกขาดพระคลังสินค้าของกรุงศรีอยุธยา หลายครั้งที่ฮอลันดาไม่ได้รับอนุญาตให้ผูกขาดการส่งสินค้าออก จนถึงขั้นฮอลันดานำกองเรือปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยา สมเด็จพระนารายณ์จึงมีดำริให้เมืองลพบุรีเป็นราชธานีแห่งที่สอง โดยมีการจัดสร้างพระราชวังและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในพื้นที่เมืองลพบุรี ระหว่างปี พ.ศ.2208-2209 และเสด็จมาประทับอยู่เกือบตลอดทั้งปี โดยเฉพาะที่พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อว่ารูปแบบของพระราชวังนั้นออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยผสมตะวันตก อย่างไรก็ตาม มีนักวิชาการบางส่วนที่เห็นต่างออกไป โดยเชื่อว่าสถาปัตยกรรมอินโด-เปอร์เซียมีอิทธิพลต่อการวางผังเมืองและผังพระราชวัง เนื่องจากมีการจัดวางองค์ประกอบภายในเมืองได้แก่ พระราชวัง สวน แหล่งน้ำสำรอง ตลอดจนอาคารสถานที่ราชการมีแบบแผนคล้ายกับผังเมืองหลวงอิสฟาฮานของเปอร์เซียในสมัยราชวงศ์ซาฟอวี และเมืองป้อมปราการในรัฐสุลต่านแห่งเดคคานของอินเดีย ประกอบกับหลักฐานเอกสารเปอร์เซียซึ่งกล่าวว่า สถาปนิกและช่างฝีมือชาวเปอร์เซียและอินเดียมีส่วนร่วมในการก่อสร้างเมืองลพบุรีและพระราชวังให้กับสมเด็จพระนารายณ์ ก่อนที่ช่างชาวตะวันตกจะเข้ามาแทนที่ในช่วงปลายรัชกาลส่วนที่สำคัญและน่าสนใจของพระพระราชวังแห่งนี้ เริ่มจากกำแพงสูงชั้นนอก มีใบเสมาด้านบนกำแพง ส่วนกำแพงชั้นในมีช่องตามประทีป ประตูทางเข้ามีลักษณะโค้งแหลมหมู่ตึกพระคลังศุภรัตน์ หรือหมู่ตึกสิบสองท้องพระคลัง อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นหมู่ตึก 12 หลัง สร้างด้วยอิฐ แบ่งเป็น 2 แถวเรียงชิดติดกันมีและถนนผ่านกลาง สำหรับใช้เก็บสิ่งของเพื่อใช้ในงานราชการพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท ในเขตพระราชฐานชั้นกลาง เป็นสถานที่สมเด็จพระนารายณ์เสด็จออกรับคณะราชทูตฝรั่งเศส เชอวาเลีย เดอ โชมองต์ ในปี พ.ศ. 2228ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดงานที่ย้อนรำลึกถึงความรุ่งเรืองของเมืองลพบุรีในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ในชื่อ "งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์" โดยจัดงานครั้งแรกเมื่อวันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522พื้นที่จัดงานก็คือโบราณสถานโดยรอบและพระนารายณ์ราชนิเวศน์ โดยเฉพาะยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟในส่วนต่างของอาคารและภายในสวน ให้เสมือนกับยามราตรีในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในอดีตมีการจำลองตลาดโบราณซึ่งจำหน่ายสินค้าและขนมไทยที่เกิดขี้นมาในสมัยนั้นคือ ขนมสกุล “ทอง” ทั้งหลาย สิ่งที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญของงานนี้ก็คือ ชาวลพบุรีจะแต่งไทยทั้งเมือง เป็นการสร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจให้แก่ผู้คนที่มาเยือนเมืองลพบุรีภาพประกอบโดยผู้เขียน