สวัสดีครับทุกคน ก็มาพบกับผมคนเดิมอีกแล้วนะครับกับ "คนจร" สำหรับวันนี้แล้วนั้นผมมีเรื่องราวประสบการณ์ในการเดินทางของผมที่ประสบพบเจอมา จะมาเล่าและแชร์ให้ทุกคนได้รู้กันครับ เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยทำ ไม่เคยเจอ และไม่เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน เพราะว่ามันเป็นอีกสิ่งที่ผมทำเป็นครั้งแรก มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอยากกลับไปทำสิ่งนั้นในสถานที่นั้นอีกครั้ง เพราะมันอยู่ในส่วนของความทรงจำที่ดีของผมตลอดเวลา เป็นความทรงจำที่ไม่อาจจะลืมได้เลยครับ สำหรับประสบการณ์การเดินทางดี ๆ ที่ผมจะมาแชร์ให้ทุกคนได้รู้ ได้รับฟังวันนี้ก็คือ ประสบการณ์การเดินทางไปเขาใหญ่ แบบไม่มีรถส่วนตัว! ครับทุกคน... สถานที่ที่ผมจะพาทุกคนไปแบบไม่มีรถส่วนตัววันนี้ ก็คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ครับ ตั้งอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาครับ ปัจจุบันในการเดินทางไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แห่งนี้นั้นก็มีตัวเลือกในการเดินทางหลายตัวเลือกครับ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถส่วนตัวไป ไปแบบไม่มีรถส่วนตัว? หรือวิธีอื่น ๆ แต่สำหรับผมแล้วนั้นการเดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ของผมครั้งนี้เลือกการเดินทางแบบ "ไม่มีรถส่วนตัว" ครับ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ของผมในการเดินทางครับ ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าผมเป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ มีทางรถไฟตัดผ่านเลยเลือกที่จะใช้รถไฟ เป็นยานพาหนะในการเดินทางไปที่สถานีรถไฟปากช่องครับ แต่ถ้าใครมาจากกรุงเทพฯ หรือต้นทางสถานีรถไฟหัวลำโพง ก็สามารถนั่งมาลงที่สถานีรถไฟปากช่องได้ครับ หรือใครสะดวกมารถประจำทาง หรือรถทัวร์ก็สามารถเดินทางมายังปากช่องได้เช่นกันครับ สำหรับผมที่ใช้การเดินทางโดยรถไฟนั้น ผมนั่งรถไฟจากสถานีรถไฟบุรีรัมย์ไปลงที่สถานีรถไฟปากช่อง โดยขบวนรถไฟที่ 426 เป็นรถด่วนพิเศษครับ ราคาตั๋วรถไฟอยู่ที่ 141 บาท ที่นั่งเป็นที่นั่งเหมือนรถยนต์เลยครับ บอกได้เลยว่านั่งสบายมากครับ รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากบุรีรัมย์เวลา 00:20 น. ถึงสถานีรถไฟปากช่องประมาณ 04:00 น. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ครับ แต่สำหรับผมแล้วมันไม่นานเลยครับ เพราะระหว่างเดินทางนั้นผมก็นอนตลอดทางเลยเลยครับ ฮ่า ๆ ๆ นี่แหละครับสาเหตุที่เลือกเดินทางในเวลา 00:20 น. เมื่อถึงสถานีรถไฟปากช่องแล้ว ก็ลงจากรถไฟ เดินตรงไปยังหน้าสถานีรถไฟ ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 500 เมตร เราก็จะเจอกับรถฟ้า หรือรถสองแถวคันใหญ่ จอดรอนักท่องเที่ยวเพื่อไปส่งยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ครับ รถฟ้าหรือรถสองแถวคันนี้ จะเป็นรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวจากปากช่องไปเขาใหญ่โดยเฉพาะเลยครับ เริ่มวิ่งตั้งแต่เวลา 06:00-18:00 น. ของทุกวันครับ ราคาค่าโดยสารต่อท่านอยู่ที่ 40 บาทครับ ซึ่งถือว่าถูกมาก เพราะระยะทางจากปากช่องไปเขาใหญ่อยู่ที่ 30 กิโลเมตรครับ แต่ไม่ได้มีรถฟ้าแค่คันเดียวนะครับ จะมีมาสลับสับเปลี่ยนกันเรื่อย ๆ ครับ รถจะออกทุก 20 นาทีครับ ซึ่งนั่นแปลาว่าเราจะได้รอรถไม่นานครับ ในภาพที่เห็นคันเดียวเพราะผมไปเช้าเกินครับ ฮ่า ๆ ๆ แต่น้าที่แกขับรถสองแถวแกก็ใจดีนะครับ เห็นผมไปรอเลย ขับรถไปส่งที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เลย ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 30 นาทีครับ เมื่อถึงทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็มีสองทางเลือกให้เลือกครับ หนึ่งก็คือ โบกรถนักเที่ยวที่จะขึ้นไปยังอุทยานขอติดรถเขาไปด้วย ทางเลือกที่สองคือ เช่ารถหน้าอุทยานครับ และแน่นอนครับผมเลือกตัวเลือกที่สองนี้ เพราะว่าเราสามารถไปไหนก็ได้บนอุทยานด้วยตัวเราเอง ร้านที่ผมเช่ารถ ชื่อร้าน "สันเขาใหญ่ มอเตอร์ไซค์" ราคาเช่ารายวันอยู่ที่คนละ 250 บาทครับ ทางร้านแถมน้ำมันรถให้เต็มถังเลยนะครับ เมื่อเช่าเสร็จแล้วจะรอช้าอยู่ใย ขับรถขึ้นไปเที่ยวเลยครับ ค่าเข้าอุทยานอยู่คนละ 40 บาทครับ บวกกับค่าขับรถมอไซค์ขึ้นอุทยานอีก 40 บาท เป็น 80 บาทครับ จากนั้นผมก็ขับรถเที่ยวบนอุทยานอย่างสนุกสนาน และมีความสุขมากครับ ผมพักบนอุทยานหนึ่งคืนแล้วก็กลับครับ บนอุทยานก็มีที่ให้เที่ยวที่หลากหลายเช่น ผาเดียวดาย ผากล้วยไม้ จุดส่องสัตว์ และอื่น ๆ อีกมากมายเลยครับ วันที่สองหลังจากเที่ยวเสร็จผมก็เอารถมาคืนที่ร้าน แล้วก็รอรถฟ้าอยู่หน้าร้านเลยครับ เพื่อให้ไปส่งยังสถานีรถไฟปากช่อง (ผมจะกลับแล้ว ๆ แต่ไม่อยากกลับเลยครับ เพราะมันสนุกและมีความสุขกับการผจญภัยในธรรมชาติมากครับ) ในการเดินทางกลับนั้นผมก็ใช้บริการรถไฟเช่นเดิมครับ ผมกลับรถไฟขบวนด่วนพิเศษในรอบ 13:20 น. ครับ เกือบไม่ทันรถครับมัวแต่เที่ยวเพลิน ฮ่า ๆ ๆ ระหว่างทางกลับก็จะเห็นกับวิวธรรมชาติสวย ๆ ต่าง ๆ มากมายอย่างเขายายเที่ยงที่เป็นยอดเขาตัด มีกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งอยู่ มองไปแล้วเป็นภาพที่สวยงามมากเลยทีเดียวครับ นอกจากวิวแล้ว ก็ยังได้พบเจอกับผู้คนมากมายบนรถไฟ ถือว่าเป็นประการณ์การเดินทางอีกหนึ่งทริปที่ดี และน่าจดจำมากเลยครับ ผมเดินทางมาถึงสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ประมาณเวลา 16:30 น. ครับ เป็นอันจบทริปการเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัวของผมทริปนี้ครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับการเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้บริการรถสาธารณะ และรถเช่าของผม น่าตื่นเต้นและน่าประทับใจไหมครับ สำหรับวันนี้ผมขอจบการแชร์ประสบการณ์ดี ๆ เพียงเท่านี้นะครับ... งบประมาณที่ใช้ไป : 1,500 บาท เวลา : 2 วัน 1 คืน (เสาร์-อาทิตย์) (เครดิตภาพ : ถ่ายโดยผู้เขียนทุกภาพ)