อื่นๆ

งานศพสยอง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
งานศพสยอง

เรื่องเป็นเรื่องเล่าประสบการณ์จริงจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยากแบ่งปันประสบการณ์หลอนดังนี้

          ตอนนั้นฉันอายุประมาณ 12   ขวบ อยู่บ้านสวนวันนั้นเป็นช่วงใกล้สอบเลยต้องนัดเพื่อนๆมาเคลียร์รายงานที่ค้างไว้ที่บ้าน เป็นปกติที่เด็กๆอยู่รวมกันก็จะเสียงดังเลยทำให้ไม่ได้ยินอะไรรอบข้างเลย แล้วอยู่ๆน้องสาวของฉันที่อายุห่างกัน 3ปี ก็วิ่งเข้ามาหาด้วยหน้าตาที่ตกใจ ร้องไห้หนักมาก จนพูดจับใจความไม่ได้รู้แต่ว่าน้องบอกว่าอาล้ม  ในตอนนั้นมีอาผู้ชายอยู่คนหนึ่งเค้าป่วยบ่อยไม่สบายเรื้อรังไม่ยอมหายสักที ฉันกับเพื่อนๆก็ตกใจรีบวิ่งไปดูภาพที่เห็นตรงหน้าคืออานอนชักอยู่กับพื้นน้ำลายฟูมปากฉี่แตกขี้แตกตัวเกร็งไปทั้งตัว


          ฉันตกใจมากทำไรไม่ถูก ตอนนั้นแม่ประคองหัวอาอยู่แล้วพวกคนในครอบครัวที่ตัดผักกันอยู่ในสวนก็วิ่งมาช่วยกันอุ้มไปโรงพยาบาล แต่การอุ้มไปค่อนข้างลำบากเพราะอาเป็นร่างใหญ่สูง180 กว่าแล้วร่างกายค่อนข้างล่ำ บวกกับตอนนั้นเป็นช่วงน้ำท่วมจึงต้องนำร่างของอาใส่เรือไปที่ถนนใหญ่ เพื่อส่งโรงพยาบาลพวกเราช่วยกันลุยน้ำเข็นเรือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนั้นน้ำอยู่ที่ระดับเอวของฉัน ฉันเอื้อมไปจับตัวอาแต่ว่านิ่งไปแล้วเลยบอกแม่ แม่ตกใจรีบไปจับตัวอาแล้วไล่ให้ฉันกับน้องกลับบ้านกันก่อน  พอกลับมาถึงบ้านฉันก็เลยกลับเข้าไปดูในบ้านอาว่าเกิดอะไรขึ้น พอเดินไปที่บันไดทางขึ้นห้องอาจึงเห็นว่ามีขันน้ำแล้วก็มีผงสีฟ้าติดอยู่ก็นขันไม่มีน้ำแล้ว ข้างๆกันมียาฆ่าที่มีฤิทธิ์แรงมากวางอยู่ฉันเลยคิดว่าอาน่าจะกินยาฆ่าตัวตาย

Advertisement

Advertisement

ฉันเลยนั่งรอแม่พอแม่กลับมาแม่ไม่พูดอะไรได้แต่ตาแดงฉันเลยถามแม่ไปว่า อาล่ะหมอยังไม่ให้กลับหรอ


         แม่ตอบกลับมาอาตายแล้วตายก่อนถึงโรงพยาบาล ฉันยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะทุกอย่างมันผ่านไปไวมาก แม่เล่าให้ฟังว่าอาบอกกับย่าว่าอยากกินผัดมะเขือยาวหมูสับย่าก็เลยพายเรือออกไปซื้อมะเขือเพื่อมาผัดให้กิน แต่ไม่คิดว่าอาจะหลอกให้ย่าออกไปเพื่อจะฆ่าตัวตาย แม่บอกว่าอาคงเครียดกับอาการป่วยที่เป็นอยู่เพราะมันทรมานมากและสงสารย่าที่ต้องคอยดูแล อาคงไม่อยากเป็นภาระของใคร. ในงานศพของอา สัปเหร่อบอกว่าตาของอาไม่หลับคงมีห่วง จึงให้ย่าไปบอกกล่าวซะอาเค้าคงห่วงแม่ หลังจากนั้นก็ช่วยกันอุ้มอาใส่โลงแต่อาตัวใหญ่จึงยกไม่ขึ้นจึงต้องเรียกคนมาช่วยกันหลายคนจึงจะยกได้ แต่พอยกลงโลงกลับใส่โลงไม่ได้จนขาอาต้องงอทั้งทีวัดขนาดกันก่อนจะสั่งโลงแล้วจึงต้องสั่งโลงมาใหม่ จนย่าต้องบอกให้ทุกอย่างมันราบรื่นนะลูกจะไม่เดือดร้อนกันอย่าไม่มีปัญหาอะไรอีกเลย  จนคืนนั้นสวดจบทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน 

Advertisement

Advertisement


         กลับถึงบ้านได้แม่ก็ไล่ให้ฉันกับน้องรีบเข้านอนฉันก็นอนเคลิ้มๆกำลังจะหลับแต่น้องสาวดันเรียกบอกว่าท้องเสีย แต่ประเด็นคือบ้านสวนในสมัยนั้นจะเป็นบ้านไม้สองชั้นแล้วห้องน้ำก็แยกออกจากตัวบ้านไป ตอนแรกฉันก็อิดออดไม่อยากไปเพราะกลัว แต่ก็ทนแรงขอของน้องไม่ได้ เลยต้องมาเป็นเพื่อน ห้องน้ำเป็นสังกะสีล้อมรอบมีหลังเป็นสังกะสี อยู่ใต้ต้นมะพร้าวพอดี และห้องน้ำนั้นก็อยู่ข้างบ้านอาด้วย ตอนนั้นเวลาน่าจะเที่ยงคืนได้อากาศก็เริ่มเย็นๆฉันยืนรอน้องอยู่หน้าห้องน้ำโดยหันหน้าเข้าห้องน้ำไม่กล้าไปมองที่อื่นเลย บรรยายกาศตอนนั้นมันเงียบไปหมดไม่มีแม้แต่เสียงแมลง อากาศก็เย็นจนทำให้หรู้สึกกลัวขึ้นมา บ้านอาเป็นบ้านไม้สองชั้นชั้นบนมีระเบียงลูกกรงเป็นที่ที่อาชอบออกมายืนเป็นประจำ ฉันตั้งใจว่าจะไม่หันไปมองเด็ดขาด ตอนนั้นอยู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินตรงระเบียงฉันตกใจเลยหันไปมองเห็นเป็นคนยืนอยู่แต่มองไม่ชัดจึงตกใจรีบเคาะประตูให้น้องเปิดประตูแล้วรีบเข้าไปอยู่ในห้องน้ำกับน้อง ตอนนั้นฉันกลัวไปหมดใจสั่นตัวสั่นไปหมดน้องเห็นอาการก็พลอยตกใจไปด้วย

Advertisement

Advertisement

          อยู่ก็มีเสียงเหมือนอะไรหล่นมาบนหลังคาห้องน้ำดังมาก ฉันตกใจเลยวิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำน้องก็วิ่งตามมาด้วย แล้วก็คลุมโปงนอนร้องไห้กันจนถึงเช้ามาเล่าให้แม่ฟัง แม่จึงพาไปใส่บาตร


          หลังจากสวดคืนที่สองจบก็กลับบ้านตามปกติฉันกับน้องก็ขอแม่นอนด้วยแต่แม่ปฏิเสธ คืนนั้นฉันกับน้องนอนมองหน้ากันไม่กล้าปิดไฟเพราะกลัว พอฉันเคลิ้มๆเหมือนจะหลับอยู่ๆก็มีเสียงคนเคาะหน้าต่างฉันไม่ได้คิดไรเพราะคิดว่าหูแว่ว  พยายามหลับต่อแต่สักพักก็มีเสียงดังขึ้นอีกจนคราวนี้น้องโผลเข้ามากอดฉันฉันมองหน้าน้องพยักหน้าใส่ฉันก็พยักหน้าตอบแล้วจู่ๆก็มีเสียงเคาะดังขึ้นเป็นครั้งที่สามฉันกับน้องสติแตกรีบวิ่งออกไปหาแม่ด้วยน้ำตานองหน้า


         คืนนี้เป็นการสวดคืนสุดท้ายฉันช่วยเค้าเสริฟน้ำกับพี่ผู้ชายอีกคนก็เดินเสริฟกันตามปกติพระก็กำลังสวด ในขณะที่ฉันกำลังจะลงไปข้างล่างเพื่อเสริฟน้ำคนที่พึ่งมาอยู่ๆไฟก็ดับทั้งวัดเสียงของพระที่กำลังสวดก็หยุดไป แล้วมีเสียงคนในงานร้องตกใจที่ไฟดดับ ด้วยความกลัวฉันหันไปมองที่โลงวัดทั้งวัดไฟดับหมด แต่ไฟที่แตกแต่งโลงศพกลับยังติดอยู่ที่เดียวทุกๆคนในงานต่างนั่งนิ่งเงียบไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย

สักพักไฟก็มาพระก็สวดต่อแต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้กันเลยพอสวดจบก็ต่างแยกย้ายกัน


           วันนี้เป็นวันเผาแล้วฉันคิดว่าคงจบแล้วล่ะไม่น่าจะมีอะไรเพราะทุกอย่างราบรื่นไปได้ด้วยดี พอเผาเสร็จก็กลับบ้านกัน ไปถึงบ้านฉันก็เดินเข้าไปในบ้านอาเพื่อกินน้ำอยู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่บนบ้าน บ้านอาเป็นบ้านไม้จึงได้ยินอย่างชัดเจนฉันตกใจเลยเดินออกไปหน้าบ้านแต่ไม่ได้พูดอะไร  แล้วทุกคนเค้าก็เดินเข้าบ้านกันเลยเดินตามเค้าเข้ามาทุกคนก็ทิ้งตัวนั่งพักกัน

แล้วอยู่ๆก็ได้ยินคนเปิดประตูดัง.....แอ๊ดดดด....ช้าๆ


          แล้วก็มีเสียงคนเดินบนบ้านเป็นเสียงเหมือนไม้ลั่นดังวนไปวนมาทั้งที่ยังไม่มีใครขึ้นไปบนบ้านเลย ทุกคนในบ้านต่างหันมามองหน้ากันแต่ไม่มีใครพูดอะไรใดๆออกมาแม้แต่คำเดียวแล้วทุกคนๆก็เดินออกจากบ้านกันหมด หลังจากบนบ้านชั้นสองก็ถูกปิดตายไม่เคยมีใครขึ้นไปอีกเลยแต่ยังมีคนได้ยินเสียงคนอยู่บนนั้นบางทีก็เป็นเสียงเดินบางทีก็เป็นเสียงเปิดประตู  ฉันและน้องก็ยังคงได้ยินเสียงคนเคาะหน้าต่างอยู่เรื่อยๆหรืออาจเพราะอาเป็นคนขี้เล่นพอตายไปแล้วเลยแค่อยากแกล้งพวกฉันเล่นเท่านั้น

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์