อื่นๆ
หุ่นหลอนในห้องแล็ป

เชื่อว่านักเรียนที่เคยเขียนวิชาวิทยาศาสตร์ ต้องรู้จักห้องแล็ป หรือห้องปฏิบัติการที่มีไว้ให้นักเรียนเข้าไปศึกษา และปฏิบัติการทดลองจริงกันอย่างแน่นอน เราเองก็เช่นเดียวกัน ในสมัยที่เรียนหนังสือ เราก็เคยต้องเข้าไปเรียนในห้องแล็ปบ่อยๆ แต่ห้องแล็ปที่ไหน ก็คงไม่เหมือนห้องแล็ปที่เราเคยเรียนมาแน่ๆ
ด้วยอาคารเรียนที่จำกัดบริเวณ ทำให้สถานที่ไม่อำนวยให้กว้างขวางมากนัก บางครั้งก็มีอาจารย์แผนกอื่น จำเป็นต้องนำเครื่องมือเครื่องใช้สิ่งของมาวางไว้ในท้ายห้องแล็ปบ้าง เพราะห้องแล็ปค่อนข้างกว้างกว่าห้องเรียนอื่นๆ นั่นเอง แต่ข้าวของอะไรก็ไม่สะดุดตาเท่าวันหนึ่งที่พวกเราเข้าไปเรียนและพบกับหุ่นสำหรับใส่ชุดโชว์ ที่คอหักมาวางพาดไว้บนไหล่ แขนไม่มีไม่เป็นไร ยังผุพังจนดูน่ากลัว ยิ่งใบหน้าของหุ่นด้วย มองครั้งใดก็ บรื๋ออออ ออกมาทุกทีเชียวล่ะ ในทุกๆ ครั้งที่เข้าเรียนห้องแล็ป พวกเราเลยพยายามไม่สนใจและไม่มองหุ่นนั้น แต่วันหนึ่ง พวกเราทำงานกันช้ากว่าที่คิดไว้ ทำให้เลยเวลาในคาบเรียนไปจนใกล้ค่ำเพราะเป็นคาบเรียนสุดท้ายของวัน และวันนั้นเองที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่เราไม่มีวันลืมกันเลย
Advertisement
Advertisement
จำได้ว่าค่ำวันนั้น พวกเราทดลองด้านวิทยาศาสตร์ และเตรียมปิดห้องกลับบ้านเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา และต้องนำกุญแจห้องแล็ปไปส่งคืนเจ้าหน้าที่ ขณะที่เราเก็บของและสัมภาระให้เรียบร้อย เราต้องนำไปไว้ในตู้ซึ่งอยู่ติดกับหุ่นที่ตั้งพิงไว้ สัญชาตญาณทำให้อดที่จะหันไปมองไม่ได้ และภาพที่เห็นก็ทำเอาเราแทบช็อค หุ่นนั่นจ้องตากับเราราวกับมีชีวิต แต่ดวงตานั่นแดงโชติช่วงราวกับมีไฟสักล้านดวงอยู่ในนั้น เราถอยหลังกรูดด้วยความตกใจ จนไปชนกับโต๊ะที่เพื่อนนั่งอยู่อีกสองสามคน
"เป็นไรวะ หน้าซีดเชียว !"
เราพูดไม่ออก เหมือนมีบางสิ่งมาจุกอยู่ในลำคอ ได้แต่ชี้มือไปทางหุ่นนั่น ให้เพื่อนๆ ได้หันไปมองตามกัน แล้วก็แทบออกวิ่ง เพราะเวลานั้น ใช่เพียงดวงตาสีแดงเข้มจัดที่มองมาด้วยความอาฆาตมาดร้ายเท่านั้น หากหัวของหุ่นที่หลุดออกจากลำตัวและวางพิงเอาไว้ยังกลิ้งลงมาจากลำตัวตรงมาทางกลุ่มพวกเราด้วย ไม่ต้องพูดไม่ต้องปรึกษาอะไรกันแล้ว งานนี้พวกเราถึงกับออกวิ่งไม่คิดชีวิต แต่เหมือนยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่ เจ้าหัวหุ่นนั่นก็ยิ่งกลิ้งตามมาเร็วเท่านั้น พร้อมเสียงหัวเราะที่กรีดดังก้องโสตประสาทไปหมด ก่อนที่เราที่วิ่งรั้งท้ายจะรู้สึกเหมือนสะดุดอะไรบางอย่าง และวิ่งต่อไปไม่ได้เพราะสิ่งนั้น ไม่ผิดเลย เมื่อก้มลงมอง เราเห็นเส้นผมยาวๆ จากหัวหุ่นที่พันรอบข้อเท้าเราเอาไว้ เฮ้ย....รอด้วย...ไม่ใช่เสียงเรานะ แต่เป็นเสียงแหบๆ ที่มาจากหุ่นนั่น ไม่นะ...หัวหุ่นบ้าไรพูดได้เนี่ย..บอกตัวเอง พร้อมกับพยายามออกวิ่งต่อ ต้องวิ่งให้ทันเพื่อนให้ได้ เป็นไงเป็นกัน เราตัดสินใจสลัดเท้าอย่างแรง จนหัวหุ่นกระเด็นไป ใช่...เรามั่นใจว่ากระเด็นไปจากเท้าเราแล้วแน่ๆ แต่เมื่อก้มลงมอง มันกลับตั้งดักหน้าเราอยู่ ดวงตาของมันบ่งบอกถึงความโกรธมากกว่าเดิมไม่รู้เท่าไหร่ รออะไรอีกล่ะ...เราบอกตัวเอง เผ่นสิ !
Advertisement
Advertisement
แน่นอนว่าเราวิ่งไม่เหลียวหลัง เราวิ่งไม่คิดชีวิต ประสบการณ์ครั้งนี้เราจะไม่มีวันลืมเลย แม้ว่าเราและเพื่อนจะถูกมองเหมือนเด็กโกหกก็ตาม เพราะเมื่อเปิดห้องแล็ปอีกครั้ง หลังบอกเล่าให้อาจารย์ฟัง ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ที่เดิม หุ่นนั่นไม่มีร่องรอยขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายไปทางไหนเลยสักนิด
เราเท่านั้นที่รู้...นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกนะ แต่พวกเราเจอกับตัวเองจริงๆ กับหุ่นหลอนในห้องแล็ปนั่น !
ขอบคุณภาพประกอบจาก : Jose Ralat
ความคิดเห็น
