เช้าวันธรรมดา อบอวลไอแดดอุ่น เชิญชวนชีวิตให้เนิบนาบ แต่ไม่ถึงกับเชื่องช้า ภาพทรงจำนี้ยังติดตาเหล่านักล่าปริญญาที่มุ่งหน้ามาอยู่นครปฐม เวลาเก้าโมงคงไม่เช้าเกินกว่าจะจิบกาแฟ แดดเช้าคงไม่ร้อนนัก ร้านติดแอร์คงไม่จำเป็น ฉะนั้นจะมีสิ่งใดเหมาะไปกว่าการสูดกลิ่นอากาศยามเช้า วางร่างใต้ร่มเงาไม้ ปล่อยร่างกายให้ปะทะสายลมเอื่อย ๆ ที่แห่งนี้คือ STAY WITH TREE ร้านกาแฟเปิดเช้า บรรยากาศธรรมชาติตามชื่อ หลบลับอยู่ในหลืบรอนักสำรวจมาเยือน นักล่าปริญญาหลายคนคงประหลาดใจเพราะอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก ที่ที่ถูกรายล้อมด้วยหอพักนักศึกษามีชื่อว่า "ซอยเสือดุ" หากเล่าถึงประวัติของชื่อซอยนี้คงจะยาว ในส่วนนี้ฉันจึงข้ามไป เพราะในใจฉันมีความทรงจำผุดขึ้นมาให้ชวนหวนระลึกเสียมากกว่า ขณะที่ฉันนั่งหันหน้าเข้าหาร้าน คำแรกที่แวบเข้ามาในหัวคงเป็น "บ้านรั้วจักรยาน" เพราะนั่นเป็นชื่อที่เราเคยใช้เรียกบ้านหลังนี้ บ้านรั้วจักรยาน คือชื่อที่เราเคยใช้เรียกร้านนี้ ฉันหวังว่าคุณคนที่อ่านจะเคยมาร้านนี้ ตั้งใจจะมาร้านนี้ หรือกำลังนั่งอยู่ในร้านนี้ จะได้นึกภาพตามฉันได้ตามที่ฉันหวัง แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยมาก็ขอให้นึกเสียว่าบ้านนี้แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือส่วนด้านหน้าและส่วนด้านหลัง ส่วนด้านหน้าเป็นพื้นที่ใช้ทำร้านกาแฟในปัจจุบัน ขอให้คนที่ไม่เคยมาลองนึกภาพบ้านที่เคยวาดตอนเด็ก ๆ บ้านที่เริ่มวาดจากสี่เหลี่ยม จากนั้นจึงเติมแต่งด้วยสามเหลี่ยมเป็นหลังคา สุดท้ายลองผ่าครึ่งแนวตั้งบ้านที่วาด ฝั่งขวานั่นแหละ คือส่วนด้านหน้าของบ้านหลังนี้ ส่วนด้านหลังนั้นต่างออกไป ขอให้คนที่เคยมาและไม่เคยมาลองนึกภาพตาม เพราะส่วนนี้เจ้าของร้านไม่อนุญาตให้เข้าไปเด็ดขาด ลองคิดถึงอาคารเรียนเก่า ๆ ในโรงเรียน ที่มีชั้นบน 3 ห้องและชั้นล่าง 3 ห้อง เสาธงที่จะอยู่ข้างหน้าอาคารนั้นให้ตัดออกไป หากนึกไม่ออกลองวาดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวขวาง แล้วแบ่งเป็นสองชั้นดู นั่นแหละส่วนด้านหลังของบ้าน ปัจจุบันเป็นพื้นที่ส่วนตัว ก่อนจะมาเป็นร้านกาแฟ ที่แห่งนี้เคยเป็นบ้านให้นักล่าปริญญายุคหนึ่งได้อยู่อาศัย ความทรงจำมากมายทั้งสุข เศร้า เมา เหงา เหนื่อย และการจากลา บ้านแห่งนี้เคยสุข ฉันยังจำ เดิมทีบ้านหลังนี้เจ้าของซื้อมาจากเพื่อน ผู้อาศัยก็ไม่ใช่ใคร ลูกของเขาเองนั่นแหละ ในช่วงชีวิตหนึ่งที่ลูกของเขาต้องกลายเป็นนักล่าปริญญา บ้านหลังนี้ได้กลายเป็นสถานที่สนับสนุนและช่วยเหลือลูกของเขา ด้วยบรรยากาศและไฟส้มที่ปลุกเร้าอารมณ์ศิลปิน กอปรพื้นที่กว้างขวางให้วางเฟรมหรืองานปั้นได้อย่างไม่รกหูรกตา จะมีสถานที่ใดเหมาะกับนักศึกษาสายศิลปะได้มากไปกว่านี้ แต่จำนวนห้องที่มากมาย จะให้อยู่คนเดียวคงไม่ไหว คนที่มาอยู่ก็ไม่ใช่คนไกล เพื่อน ๆ นักล่าปริญญาด้วยกันนั่นเอง ทุกคนล้วนอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวบนพื้นที่ส่วนรวมอยู่ที่ส่วนด้านหลัง สำหรับส่วนด้านหน้าเป็นที่พักของคุณยายของลูกเจ้าของบ้านที่คอยดูแลบ้านหลังนี้ เมื่อเหล่าผู้อาศัยรุ่นแรกจบไป ก็มีผู้อาศัยรุ่นใหม่เข้ามา ฉันก็ไม่รู้ผ่านไปกี่รุ่นต่อกี่รุ่น แต่ที่พอจะจำได้ มีนักล่าปริญญาสายสังคม อยู่ร่วมกับสายละคร และนักล่าฯสายสังคมนั้นจบไป ก็มีนักล่าฯสายศิลปะรุ่นใหม่เข้ามาแทน ซึ่งต่อมาพวกเขานี่แหละได้กลายเป็นเพื่อนฉัน เพราะฉันเข้ามาแทนนักล่าฯสายละครที่จบไป ที่เล่ามาก็คร่าว ๆ จนสุดท้ายยุคที่ฉันอยู่อย่างมีความสุข ฉันก็ได้กลายเป็นนักล่าฯสายภาษาคนเดียว ท่ามกลางนักล่าฯสายศิลปะห้าคน ฉันยังจำความรื่นรมย์ ณ ขณะนั้นได้ เราอยู่กันอย่างให้เกียรติกันและกัน อยู่บ้านนี้ไม่เหงาเพราะเรามีเพื่อนคนหนึ่งเปิดเพลงทุกเช้า มีเพื่อนคนหนึ่งไม่ค่อยออกมาแต่เราก็รู้ได้ว่าเธออยู่ในห้อง มีเพื่อนคนหนึ่งรับภาระงานจากในมหาวิทยาลัยจนดึก เราจึงไม่ต้องกลัวว่าเราจะนอนเป็นคนสุดท้าย มีเพื่อนคนหนึ่งชอบชวนเพื่อนมาเล่นอะไรก็ตาม ทำให้บ้านนี้คึกคักและไม่เหงา และมีเพื่อนคนหนึ่งที่เดินบนพื้นไม้เสียงดังมาก จนเรารู้ว่า "อ๋อ เธอกลับมาแล้ว" อยู่บ้านนี้ไม่เหงาเพราะเรามีเพื่อนคนหนึ่งเปิดเพลงทุกเช้า บ้านรั้วจักรยานในตอนนั้นคงเป็นช่วงที่มีชีวิตชีวาที่สุดแล้วสำหรับฉัน แต่กาลเวลาย่อมสร้างความเปลี่ยนแปลง เพื่อน ๆ ทุกคนจบออกไป แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันจึงอยู่ต่อ ฉันยังจำช่วงเวลาที่เห็นเพื่อนแต่ละคนเริ่มขนของได้ดี สีของบ้านหลังนี้เริ่มซีดลง ณ ช่วงเวลาเดียวกันก็มีเหตุผลบางอย่างให้คุณยายที่เคยดูแลบ้านหลังนี้ผละตัวออกจากหน้าที่ดังกล่าว และออกจากบ้านหลังนี้ ทุกคนต่างออกไป มีคนใหม่หลายคนเข้ามาอยู่ได้อีกประมาณปีนึงก็ลาจาก จนสุดท้ายก็ถึงวันที่ฉันอยู่คนเดียว จะว่าอยู่คนเดียวซะทีเดียวก็ไม่ถูก เพราะฉันอยู่กับแฟนเพียงสองคนในบ้านหลังนี้ คำว่าบ้านรั้วจักรยานเริ่มหายไป คำว่าบ้านรั้วจักรยานเริ่มหายไป เป็นระยะเวลากว่าหนึ่งปีที่ฉันเองเป็นผู้ดูแลบ้านหลังนี้ คน ๆ เดียวก็ไม่อาจทำอะไรได้มากนัก เพราะฉันก็มีหน้าที่ของตัวเอง ฉันทำได้เพียงกวาดหน้าบ้านและในบ้านไม่ให้รกก็เท่านั้น นับวันบ้านนี้ยิ่งเสื่อมโทรม มีรอยร้าวตามจุดต่าง ๆ เครื่องใช้หลายอย่างเริ่มเสียหาย บ้านหลังนี้คงต้องการบอกอะไรฉัน ฉันยังไม่อยากจากบ้านหลังนี้ไป เพราะกลัวว่าบ้านนี้จะกลายเป็นความทรงจำเมื่อฉันจาก ฉันพยายามอยู่เพื่อคอยบางอย่าง คอยอย่างมีความหวังที่ขับเคลื่อนด้วยความหลัง จนกระทั่งฉันได้รู้ว่าเพื่อนคนหนึ่งและแฟนเขา ทั้งคู่เคยอยู่กับฉัน พวกเขากลับมาในสถานที่แห่งความทรงจำหลังนี้ หลาย ๆ อย่างดลใจให้ฉันชวนเพื่อนคนนั้นกลับมาอยู่ที่นี่ และบางสิ่งบางอย่างก็ดลใจให้เพื่อนเห็นพ้องต้องกัน เขาและเธอจึงกลับมาอยู่ที่นี่ ณ เวลานั้นฉันเริ่มมีหวัง ความหวังที่จะเห็นบ้านหลังนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฉันซึมซับบรรยากาศของร้าน สถานที่ที่ฉันเคยเรียกว่า “บ้าน” ทุกวันนี้ฉันพยายามตื่นเช้าเพื่อมาจิบคาปูชิโน่ร้อน ราคา 45 บาท บางวันอาจกินกาแฟร้อนแบบอื่น ๆ ก็ราคาไม่ต่างกันมาก บางวันฉันตื่นสายไปก็ยอมนั่งตอนบ่ายพร้อมสั่งกาแฟเย็น หวานน้อยคงเป็นเทรนด์ของคนยุคนี้ ฉันจึงมักจะเลือกสั่งอเมริกาโน่เย็นของร้านที่ไม่ใส่ไซรัป ราคา 50 บาท แต่ถ้าวันนั้นฉันรู้สึกว่าชีวิตมันขมเกินกว่าจะกินกาแฟล้วน ฉันก็เลือกใส่น้ำผึ้ง หรือเลือกสั่งอเมริกาโน่มะพร้าว ราคา 65 บาท แต่ก็มีเหมือนกันนะ ถ้าวันนั้นชีวิตฉันขมเกินกว่าจะกินกาแฟ ความหวานคงเป็นสิ่งที่ฉันโหยหา พวกน้ำอิตาเลี่ยนโซดา ราคา 55 บาท หรือน้ำผลไม้โยเกิร์ต ราคา 65 บาท ก็เป็นทางเลือกที่ดีในบางวัน... ... ...ตอนนี้ความหวังนั้นเป็นจริงแล้ว ถ้าหากไม่เชื่อคุณลองเงยหน้าขึ้นมอง คุณเห็นไหม? ชายหญิงคู่หนึ่งด้านหลังบาร์ที่กำลังใส่ใจทำกาแฟ สองคนนั้นแหละคือเพื่อนของฉันเอง