“หุ่นขี้ผึ้ง” เป็นหุ่นประติมากรรมเสมือนจริงที่ปั้นด้วยขี้ผึ้ง มีการปั้นตามลักษณะต่าง ๆ และสวมใส่เสื้อผ้าประดุจว่ามีชีวิต ส่วนมากมักทำเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งหากพูดถึงสถานที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งแล้ว คนส่วนใหญ่มักรู้จักและนึกถึงแต่มาดามทุสโซที่จัดแสดงในสยามดิสคัฟเวอรีเซ็นเตอร์บริเวณชั้น 4 - 5 แต่จริง ๆ ยังมีสถานที่หนึ่งที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งให้คนเข้ามาเที่ยวชมได้เช่นกันอย่าง “พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย” จังหวัดนครปฐม วันนี้เราจะพาทุกคนไปชมกันว่าหุ่นขี้ผึ้งมีความเสมือนจริงมากน้อยแค่ไหน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเลยจ้า! “พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย” ตั้งอยู่ริมถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) กิโลเมตรที่ 31 ในตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งอาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ และกลุ่มศิลปินไทยผู้สร้างสรรค์ผลงานร่วมกันจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้น เพื่อจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสที่มีลักษณะทนทาน ประณีต และงดงามเสมือนคนจริงมากที่สุด อีกทั้งสื่อความรู้สึกนุ่มนวลกว่าขี้ผึ้งธรรมดาทั่วไป ด้วยการจำลองบุคคลที่มีชื่อเสียงและเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริม เผยแพร่ และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีของไทย ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน คือชั้นล่างเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวรทั้งหมด 7 ห้อง ส่วนชั้นบนจัดเป็นห้องแสดงนิทรรศการหมุนเวียนตามความเหมาะสมค่ะ หลังจากทราบเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยทั้งประวัติและพื้นที่จัดแสดงแล้ว เราเข้ามาชมข้างในบริเวณชั้นล่างกันก่อนดีกว่า ซึ่งห้องแรกที่เข้าไปชมนั้นเป็นห้อง “ชุดมุมหนึ่งของชีวิต” มีจำนวน 2 ห้องด้วยกัน โดยห้องนี้จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งชุดต่าง ๆ ในอิริยาบถที่แตกต่างกันไป เช่น ชุดครอบครัวไทย, สนใจในข่าว, เลขาน่ารัก, หมากรุกไทย และเหนื่อยนักพักก่อนค่ะ ชุด “ครอบครัวไทย” เป็นหุ่นคุณยายที่ถือตะบันหมากกับคุณแม่ที่ถือผ้าเช็ดหน้านั่งอยู่บนม้านั่ง และมีลูกชายกำลังยืนออดอ้อนคุณแม่ น่าจะกำลังออดอ้อนให้คุณแม่ซื้อของเล่นให้ค่ะ ชุด “สนใจในข่าว” เป็นหุ่นคุณลุงที่นั่งอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์บนเก้าอี้ห้องรับแขกค่ะ ชุด “เลขาน่ารัก” เป็นหุ่นเลขาสาวสวยนั่งก้มหน้าก้มตาทำบัญชีรายงานเพื่อส่งให้เจ้านาย ใครเข้ามาในห้องนี้ ห้ามไปรบกวนเธอนะคะ เธอตั้งใจทำงานอยู่ค่ะ ดูสิ ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเลย 5555 ชุด “หมากรุกไทย” เป็นหุ่นคุณลุงสองคนนั่งเล่นหมากรุกไทยกันอยู่ ซึ่งคุณลุงเสื้อเชิ้ตสีขาวคิดหนักว่าจะเดินหมากตัวไหนดี ส่วนคุณลุงที่คีบบุหรี่และถือไม้ขีดไฟยิ้มเหยาะ ๆ โดยมีคุณลุงคนที่ยืนเป็นกรรมการตัดสินแพ้-ชนะ ว่าแต่คุณลุงทำไมคิดนานจัง ไม่เดินหมากสักที ยืนรอดูจนเมื่อยแล้ว ไปดีกว่า 😅😅😅 ชุด “เหนื่อยนักพักก่อน” เป็นหุ่นผู้ชายสองคนกำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ คนหนึ่งนั่งหลับขณะเปิดอ่านหนังสือค้างไว้ ส่วนอีกคนนั่งหลับเอนหลังกับพนักพิงเก้าอี้และแหงนหน้าอ้าปาก ดูท่าทำงานมาทั้งวันจนเพลียแน่ ๆ ค่ะ พอชมหุ่นขี้ผึ้งชุดมุมหนึ่งของชีวิตแล้วก็เดินไปชม “ชุดพระอริยสงฆ์” กันต่อ ซึ่งชุดพระอริยสงฆ์นั้นจัดแสดงทั้งหมด 4 ห้องด้วยกัน โดยเป็นหุ่นขี้ผึ้งพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจากทั่วประเทศทั้งหมด 17 รูป เช่น หลวงปู่ชา สุภัทโท, หลวงปู่ขาว อนาลโย, สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี), หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, หลวงปู่ทวด และพระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข) เป็นต้น จากนั้นก็เดินเข้ามาชมห้องจัดแสดง “ชุดประวัติศาสตร์” ที่เป็นพระบรมรูปของอดีตพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 9 รวมทั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สมเด็จพระพี่นางฯ) แต่ห้องนี้ทางพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพเองนะคะ ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ถ่ายภาพให้เท่านั้น โดยใช้กล้องของพิพิธภัณฑ์และจำหน่ายภาพให้แก่นักท่องเที่ยว เนื่องจากเคยมีนักท่องเที่ยวทำกิริยาไม่สุภาพขณะถ่ายภาพ ด้วยเหตุนี้เองทำให้เราไม่มีรูปถ่ายให้ชมกัน ซึ่งห้องนี้ถือเป็นห้องไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์เลยทีเดียว แนะนำว่าให้มาชมด้วยตนเองดีกว่าค่ะ พอชมหุ่นขี้ผึ้งชั้นล่างจนครบทุกห้องแล้วก็เดินขึ้นบันไดมาชั้นบน ซึ่งชั้นบนนั้นเป็นห้องจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสชุดต่าง ๆ หมุนเวียนตามความเหมาะสม เริ่มจาก “ชุดครูเพลงไทย” ได้แก่ “ครูจวงจันทร์ จันทร์คณา (พรานบูรพ์)” บรมครูนักแต่งเพลงไทยและเป็นผู้ริเริ่มเพลงไทยสากล, “ครูเอื้อ สุนทรสนาน” ผู้จัดตั้งวงสุนทราภรณ์ และ “ครูไพบูลย์ บุตรขัน” บิดาแห่งเพลงลูกทุ่ง / ราชานักแต่งเพลงลูกทุ่งไทย เป็นต้น ชมชุดครูเพลงไทยครบทั้ง 3 ท่านกันไปแล้วมาชม “ชุดบุคคลสำคัญของโลก” กันต่อ ซึ่งบุคคลสำคัญของโลกได้แก่ “มหาตมา คานธี” บิดาแห่งประชาชาติอินเดีย, “อับราฮัม ลินคอล์น” ประธานาธิบดีผู้ปลดปล่อยทาสของสหรัฐอเมริกา และ “เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล” นายกรัฐมนตรีวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งประเทศอังกฤษ เป็นต้น ชมชุดบุคคลสำคัญของโลกทั้ง 3 ท่านกันไปแล้ว เดินถัดมาอีกห้องก็จะเป็นชุด “การละเล่นของไทย” กันต่อ ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการละเล่นของไทยออกเป็น 5 ชุดด้วยกัน ได้แก่ รีรีข้าวสาร, จ้ำจี้, แมงมุม, ขี่ช้างชนกัน และหัวล้านชนกันค่ะ ชมชุดการละเล่นของไทยทั้ง 5 ชุดกันแล้ว เดินถัดมาอีกห้องก็จะเป็นห้องจัดแสดง “ชุดวรรณคดีไทย” ในนิทรรศการ “พระอภัยมณีของสุนทรภู่” ซึ่งพระอภัยมณีเป็นผลงานเขียนชิ้นเอกของสุนทรภู่ที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็น “สุดยอดของวรรณคดีประเภทกลอนนิทาน” โดยสุนทรภู่ได้รับการประกาศเกียรติคุณจากองค์การยูเนสโกให้เป็น “กวีเอกของโลก” เมื่อปี พ.ศ.2529 ในวาระครบรอบ 200 ปีเกิดของท่านค่ะ ถัดมาเป็นหุ่น “ขงจื๊อ” ซึ่งขงจื๊อเป็นนักคิดและนักปรัชญาสังคมที่มีชื่อเสียงของจีน ปัจจุบันองค์การยูเนสโกยกย่องให้ท่านเป็น 1 ใน 10 บุคคลที่มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมของโลกค่ะ จากนั้นเดินเข้าไปอีกห้องหนึ่งก็จะเป็นชุด “นิทรรศการสมเด็จพระปิยมหาราชกับการเลิกทาส” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชกรณียกิจสำคัญคือ “การเลิกทาส” ที่เป็นการยกเลิกระบบคนชั้นสูงกดขี่ราษฎรให้ทำงานรับใช้หรือส่งทรัพย์สินให้ เพื่อต้องการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยทัดเทียมนานาชาติ โดยพระองค์ท่านทรงเลิกทาสแบบค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2448 ทรงประกาศใช้ “พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ.124 (พ.ศ. 2448)” ถือได้ว่าการเลิกระบบทาสและระบบไพร่ในสยามประเทศ นับแต่นั้นเป็นต้นมา วันที่ 1 เมษายน จึงเป็นที่รู้จักกันใน “วันเลิกทาส” ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านนี้เอง ทำให้ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ค่ะ ทาสในประเทศไทยแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วยกัน อย่างภาพด้านบนนี้เป็นหุ่นทาส “ชุดบ่อนเบี้ย” ซึ่งเกิดจากราษฎรขายตัวเองเป็นทาส เพราะติดหนี้การพนัน นักพนันบางคนอาจถึงกับขายภรรยาและลูกของตนเองเพื่อชดใช้หนี้สินนั่นเองค่ะ ภาพนี้เป็นหุ่นชุด “ครอบครัวทาส” ซึ่งทาสในอดีตจะต้องอยู่ในครอบครัวของเจ้านาย โดยเจ้านายสามารถทำกับทาสได้ทุกอย่าง เช่น การใช้แรงงาน, การเฆี่ยนตี หรือโบยทาสเมื่อทำผิดกฎระเบียบของเจ้านายค่ะ ส่วนภาพนี้เป็นหุ่นชุด “ทาสในเรือนเบี้ย” ซึ่งทาสในเรือนเบี้ยเกิดในระหว่างที่แม่เป็นทาสของเจ้านาย ไม่สามารถไถ่ถอนตนเองได้ค่ะ ภาพนี้เป็นชุด “ชีวิตใหม่” จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของคนไทยในสมัยก่อน ภายหลังจากการประกาศเลิกทาส ซึ่งเวลาที่พ่อแม่ไปทำสวน ทำนาก็มักจะอุ้มหรือจูงลูกไปด้วยค่ะ หลังจากชมทาสประเภทต่าง ๆ ของไทยแล้วมาชมทาสของต่างประเทศกันบ้างดีกว่า อย่างสองภาพบนที่เห็นอยู่นี้เป็นทาสของต่างประเทศ ภาพหนึ่งเป็นทาสที่ถูกจับกุมเพื่อลงโทษ สังเกตได้จากลูกตุ้มเหล็กที่ข้อมือ ส่วนอีกภาพหนึ่งเป็นทาสที่ถูกตีตรวนด้วยโซ่บริเวณข้อมือและข้อเท้ายาวเรียงกันไปค่ะ สำหรับใครที่ไปเที่ยวชมหรือเดินทางผ่านจังหวัดนครปฐม ลองแวะเข้ามาชมประติมากรรมหุ่นเสมือนจริงประดุจมีชีวิตอย่างหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสที่ “พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย” กันได้นะคะ เพราะที่นี่มีหุ่นจัดแสดงมากกว่า 100 รูป และคาดว่ามีการสร้างหุ่นเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ ค่ะ ปักหมุดได้ที่: 43/2 หมู่ 1 ริมถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) กิโลเมตรที่ 31 ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม 73120GPS: https://goo.gl/maps/GfDCqDfA4TZ2Bhy98Email: thim1pr@gmail.comโทร: 034-332-607, 090-404-0304Facebook Fanpage: พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย Thai Human Imagery Museumเสียค่าเข้าชม: - คนไทย >> เด็ก (สูงไม่เกิน 130 ซม.) ราคา 40 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 80 บาท - ชาวต่างชาติ >> เด็ก ราคา 150 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาทเปิด: วันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.30 น. / วันเสาร์ - วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 - 18.00 น.เดินทางโดยรถยนต์: จากสะพานพระปิ่นเกล้าใช้เส้นทางถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) ผ่านชุมทางต่างระดับพุทธมณฑล ตรงไปข้ามสะพานแม่น้ำนครชัยศรีประมาณ 3 กิโลเมตร ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ฯ อยู่ฝั่งขวามือเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ: สายกรุงเทพฯ - นครปฐม (สายใหม่) ขึ้นที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่เดินทางโดยรถตู้สาธารณะ: สายกรุงเทพฯ - นครปฐม (ท่ารถตู้จอดที่ข้างโลตัส ปิ่นเกล้า), สายกรุงเทพฯ - นครชัยศรี (ท่ารถตู้จอดที่ด้านหน้าห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า) **แจ้งให้รถจอดหน้าพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย** ออกแบบหน้าปกใน Canva โดย: Windy_55 (ผู้เขียน)เครดิตภาพประกอบบทความทั้งหมดโดย: Windy_55 (ผู้เขียน)อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !