ภาพโดย https://pixabay.com/th/users/shauking-5486125 "ซ้อมหนัก เล่นกับทีมชุดเล็กเช้ายันค่ำ ขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่บ้างเป็นครั้งคราว สุดท้ายยึดตัวจริงไม่ได้จนถูกปล่อยยืมตัว" ชีวิตนักเตะดาวรุ่งมักวนเวียนอยู่แบบนี้เป็นสัจธรรมของโลกฟุตบอล หลายคนสู้จนทำตามฝันตัวเองให้เป็นจริงได้ หลายคนเลือกหันหลังละทิ้งมันไป ชีวิตคือการแข่งขัน โลกความจริงมักโหดร้ายเสมอ... ภาพโดย https://pixabay.com/th/users/taniadimas-1503346 ย้อนเวลากลับไปก่อนที่กีฬาฟุตบอลจะได้รับความนิยมเฟื่องฟูอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ว่ากันว่ารากฐานความสำเร็จที่ยั่งยืนของสโมสรฟุตบอลใดก็ตาม นอกจากแนวทางการบริหารที่ถูกต้องชัดเจนแล้ว ‘ระบบการพัฒนาเยาวชน’ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘การผลักดันดาวรุ่ง’ ในทีม เป็นอีกหนึ่งความสำคัญสูงสุดที่แต่ละสโมสรจะมองข้ามไม่ได้ เด็กในอะคาเดมี่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ช่วงเวลาที่เม็ดเงินหมุนเวียนในวงการฟุตบอลยังมีไม่มาก การปั้นเองใช้เองมากกว่าเจียดเงินออกไปซื้อนักเตะทีมอื่น เป็นสิ่งที่หลายสโมสรเลือกทำในขณะนั้น ภาพโดย https://pixabay.com/th/users/KelvinStuttard-5920577 วันเวลาผ่านไป กีฬาฟุตบอลได้รับความนิยมมากขึ้น รางวัลตอบแทนของการเป็นแชมป์ รวมไปถึงค่าค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ การพลาดแชมป์ การเสียโควตาไปเล่นฟุตบอลยุโรป การตกชั้นไม่ได้เล่นฟุตบอลลีกสูงสุดอีกต่อไปนั่นหมายถึงการที่สโมสรจะเสียรายได้มหาศาล การจัดตัวผู้เล่นลงไปแข่งขันในแต่ละครั้ง หลายทีมจึงหลีกเลี่ยงการใช้นักเตะดาวรุ่งโดยพยายามใช้ให้น้อยที่สุด หลายทีมเลือกใช้ผู้เล่นมากประสบการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน ใช่ว่าผู้เล่นมากประสบการณ์จะไม่ก่อความผิดพลาดเลย แต่ถ้าเลือกได้ น้อยคนนักจะกล้าเสี่ยงกับเด็กดาวรุ่ง ภาพโดย https://pixabay.com/th/users/12019-12019 ระบบการผลักดันดาวรุ่ง การปั้นเองใช้เองไม่ใช่สิ่งที่ทุก ๆ สโมสรยึดถืออีกต่อไปแล้วในวันนี้ มาถึงจุดนี้หลายคนอาจนึกสบถในใจแล้วว่า ‘ทำไมโลกมันโหดร้ายจัง แล้วพวกดาวรุ่งจะอยู่กันยังไง?’ คำตอบคือพวกเขาจะยังอยู่กันได้ มีอีกหลายสโมสรที่ยังยึดถือแนวทางการปั้นดาวรุ่ง ให้โอกาสเด็กเยาวชนในอะคาเดมี่ของตัวเอง ยังมีลีกระดับสูงที่เปิดโอกาสให้ดาวรุ่งพิสูจน์ฝีมือในเส้นทางอาชีพนี้ต่อไปอยู่ เส้นทางการก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ เบียดแย่งตัวจริงกับผู้เล่นมากประสบการณ์อาจดูยากไปซะหน่อยสำหรับชีวิตดาวรุ่ง แต่เชื่อเถอะว่าถ้าพวกเขาดีพอ พิสูจน์ได้ว่าเป็นของแท้ ไม่มีอะไรที่จะหยุดพวกเขาได้แม้อายุและประสบการณ์จะน้อยเพียงก็ตาม ดั่งคำที่ว่า “If you're good enough, you're old enough” ...ถ้าคุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ