การเรียนการสอนของเด็กในยุคสมัยใหม่ ครอบครัวมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กโฮมสคูล โรงเรียนเน้นวิชาการ โรงเรียนทางเลือก หรือโรงเรียนแนวบูรณาการ ฯลฯ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละครอบครัว และที่สำคัญคือ การคำนึงถึงความพร้อมในการเรียนรู้ของลูกน้อยนะคะ ... เมื่อมีลูกก้าวเข้าสู่วัยเรียน พ่อแม่หลายบ้านก็คงอยากจะทราบความพร้อมในการเรียนรู้ของลูก ซึ่งสามารถทดสอบด้วยตนเองจากหนังสือแบบทดสอบที่วางขายทั่วไป หรือแบบทดสอบออนไลน์ก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ รวมถึงการจูงมือลูกไปพบผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็คือ “นักจิตวิทยา” ที่จะช่วยทดสอบและประเมินเชาว์ปัญญา (IQ) ได้ถูกต้องตามหลักวิชา ทั้งนี้ เชาวน์ปัญญา หรือความฉลาดทางปัญญา (Intelligence Quotient : IQ) เป็นความฉลาดที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ซึ่งสามารถพัฒนาได้จากการเรียนรู้และประสบการณ์ในส่วนของสถานที่ตรวจวัด IQ มีให้บริการทั้งในโรงพยาบาลของรัฐบาล และสถานพยาบาลของเอกชน ซึ่งแต่ละแห่งจะมีค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการรอคิวที่ต่างกันไป สำหรับบ้านที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีความประสงค์จะพาลูกวัยเรียนไปตรวจวัด IQ เราขอแนะนำ “คลินิกเด็กและวัยรุ่น สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา”สำหรับขั้นตอนการใช้บริการสะดวกมากค่ะ เริ่มต้นจากดาวน์โหลดแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ กรอกประวัติผู้เข้ารับการประเมิน แล้วส่งผ่านอีเมล จากนั้น 1-2 วัน จะมีคุณพยาบาลติดต่อนัดหมายวันเวลาในการทดสอบ IQ ซึ่งระยะเวลาในการรอคอยประมาณ 2 สัปดาห์เมื่อถึงวันนัดหมาย แนะนำให้มาก่อนเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้ลูกได้เตรียมตัว ซึ่งก่อนเข้าห้องทดสอบ จะมีนักจิตวิทยามาพูดคุยเกี่ยวกับตัวลูก และวัตถุประสงค์ในการนำผลการทดสอบ IQ ไปใช้งาน จากนั้นนักจิตวิทยาจะจูงมือลูกไปทำแบบทดสอบในห้องที่มีเพียงลูกกับนักจิตวิทยา โดยพ่อแม่นั่งรออยู่หน้าห้องนั้น ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที เมื่อลูกทำแบบทดสอบเสร็จแล้ว นักจิตวิทยาจะเชิญผู้ปกครองเข้าไปพูดคุยถึงผลการทดสอบแบบคร่าว ๆ ส่วนผลการทดสอบ IQ ฉบับเต็มที่ต้องผ่านการวิเคราะห์ในเชิงวิชาการ จะถูกส่งตามมาในภายหลังจากนั้นประมาณ 7 วัน โดยผลการประเมินจะรายงานให้ทราบถึง ลักษณะและพฤติกรรมขณะทดสอบ และผลการทดสอบว่าลูกของเรามี IQ ในระดับใดแบบทดสอบที่ใช้ครั้งนี้ คือ Wechsler Intelligence Scale for Children, 5th Edition โดยเป็นการประเมิน 1. ความสามารถด้านการใช้ภาษาเพื่อความเข้าใจ 2. ความสามารถในการรับรู้ทางสายตา 3. ความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผล 4. ความสามารถด้านความจำขณะทำงาน 5. ความสามารถในการทำงานอย่างรวดเร็วทั้งนี้ การทดสอบ IQ ไม่ได้จำเป็นสำหรับเด็กทุกคนนะคะ แต่สำหรับบ้านที่มีลูกเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษนั้น การทดสอบ IQ เป็นสิ่งที่อยากแนะนำ เพราะจะช่วยให้พ่อแม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับสติปัญญา ความพร้อมในการเรียนรู้ของลูก รวมทั้งลดความคาดหวังความเป็นเลิศทางวิชาการ และมีแนวทางวางแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสมให้แก่ลูกน้อยต่อไปในอนาคตคลินิกเด็กและวัยรุ่น สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากจะให้บริการทดสอบ IQ แล้ว ยังมีบริการที่หลากหลายสำหรับเด็กและครอบครัว คือ คลินิกพัฒนาการเด็ก คลินิกวัยเรียน คลินิกวัยทีน แพทย์แผนจีน คลินิกการเลี้ยงดูเชิงบวก คลินิกดนตรีและและการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ ยังมีคอร์สระยะสั้นสำหรับเด็ก ๆ เช่น กิจกรรมเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอดเพื่อความปลอดภัยของเด็ก กิจกรรม Mini Sport Stimulator และกิจกรรมพัฒนาทักษะทางสังคม เป็นต้นที่ผ่านมา เราเคยใช้บริการคลินิกพัฒนาการเด็ก ได้มีโอกาสพูดคุยกับจิตแพทย์เด็ก สหวิชาชีพ และทำกิจกรรมแบบฟลอร์ไทม์ สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าไปหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์คลินิกเด็กและวัยรุ่นนะคะการเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบัน พ่อแม่มีตัวช่วยเพิ่มมากขึ้น ทั้งข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และสถาบันที่พร้อมจะช่วยเหลือเด็กและครอบครัว อย่าเก็บความไม่สบายใจเรื่องการเลี้ยงลูกไว้คนเดียวจนเกิดภาวะความเครียด กระทั่งรู้สึกไม่มีความสุขในการเลี้ยงดูลูก แต่ขอให้พาตัวเองและจูงมือลูกไปหาผู้ช่วยเหลือนะคะ แล้วพ่อแม่จะได้พบกับความสุขมาก ๆ ที่ได้เห็นลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ... สวัสดีค่ะ--ภาพถ่ายโดยนักเขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !