เป็นธรรมดาของชีวิตและสิ่งมีชีวิตที่ต้องเอาชีวิตรอดเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ของตนเองด้วยการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด การอยู่รอดได้ คือส่วนหนึ่งของการทำหน้าที่และมุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงที่ต้องอาศัยความเข้าใจภาพในหัวของผมปรากฎชัดขึ้นมาหลังจากองค์กรแห่งหนึ่งโทรมาปรึกษาและยกหูคุยกันว่า จะทำอย่างไรให้คำว่า ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างหรือการนำพาองค์กรให้รอดในสถานการณ์โควิด ทีเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งปฏิกิริยาให้ทุกคนแสวงหาทางออก ผมกำลังคุยในงานที่กำลังทำอยู่นั่นคือ การส่งต่อแลกเเลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการทำงานกับคนในฐานะผู้เคยปฏิบัติงานทรัพยากรบุคคลมาก่อนน่าแปลกใจไม่น้อยนะครับว่า คนเรามองหาแต่ช่องทางที่จะพาตัวเองรอดส่วนใหญ่มองไปที่ช่องทางแคบ ๆ เหมือนกันเป็นการแสวงหาโอกาสที่ไร้คู่ต่อสู่ ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยจะหาเพื่อนหรือหามิตรภาพในการทำงานในบทบาทของการเป็นเครือข่ายและหุ้นส่วนร่วมกันอย่างจริงใจในบริบทขอการเอาตัวรอดที่ยั่งยืน ส่วนใหญ่ในองค์กรที่เป็นระบบจริง ๆ จะไม่ค่อยมีปัญหาต่อการปรับตัวมากนักเนื่องจากระบบลงตัวแล้ว แต่สิ่งที่เป็นปัญหาอยู่วันยังค่ำก็คือ การบริหารคนอย่างไรให้รอดร่วมกันเพื่อน ๆ หลายคนที่ทำงานประจำ ตอนนี้เริ่มกังวลและหวาดหวั่นต่อสถานะการถูกเลิกจ้างจำนวนไม่น้อย และส่งผลต่อความมุ่งมั่นและความสุขต่อการทำงานไม่น้อยเลยจริงไหมครับการเอาตัวรอดแบบปัจเจก มันสามารถทำได้ง่ายแต่ขณะเดียวกันใช้สัญชาตญาณสูงทีเดียว เช่น เราเดินป่า เเต่หลงทาง มีหนทางเดียวก็คือ เอาตัวรอดที่เป็นตัวเราไว้ก่อน ทรัพยากรหรือองค์ความรู้เป็นเรื่องรองถัดจากร่างกายที่แข็งแรงที่อดทนต่อสู้กับภัยที่จะมาทำร้ายไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่า หรือสิ่งที่เราไม่คุ้นชิน แน่่นอนครับว่า อาหาร น้ำ ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่มที่เรียกว่า ปัจจัย 4 เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็จริงอยู่ แต่ขณะเดียวกัน ไฟฉาย และไม้ขีดไฟก็มีความสำคัญไม่น้อยในบริบทเช่นนั้น ที่กล่าวเช่นนั้น เพียงเพราะยกตัวอย่างของการหลงเพียงลำพังนะครับ แต่โชคดีไม่น้อยที่คนส่วนใหญ่ที่ทำงานในองค์กร มีเพื่อนร่วมคิดและร่วมระดมสมองเมื่อเจอปัญหา ทว่า เราเปิดพื้นที่คุยกันในเรื่องดังกล่าวอย่างไรบ้างถ้าบริษัทกำลังย่ำแย่ และกำไรหายไปอย่างวูบวาบ ความมั่นคงที่เราเคยคิดไว้ว่า ชัวร์ตอนนี้กลับไม่ชัวร์ผมกำลังคุยเกริ่นและจะนำเข้าสู่ประเด็นของการเอาตัวรอดอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ ที่พอจะแบ่งปันกัน เผื่อหลายท่านหลงทางไม่พอแถมมาเจอทางตันเสียด้วยสิ ในประเด็นความไม่มั่นคงของการจ้าง ที่ทำให้เราอาจจะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตจากหนุ่มออฟฟิศ กลายมาเป็นคนตกงานนั้น นับว่า เจ็บปวดมากในยุคนี้เเต่เป็นความเจ็บปวดที่แสนธรรดา หากจะมองว่า ใคร ๆ ก็เป็นเหมือนเรา การคิดเช่นนั้นไม่ส่งผลดีนักในฐานะคนที่มีความสัมพันธ์กับงาน และจะต้องทำงานให้ประจักษ์ว่า เหตุใด เราจึงไม่สมควรที่จะถูกให้ออกจากงานผมรวบรวมข้อมูลการปรับตัว อย่างน้อย ๆ 4 ข้อเพื่อเป็นการสร้างข้อได้เปรียบที่จะทำให้เราเป็นคนที่โดดเด่นและไม่ต้องเตรียมท่าหาเวลาสมัครงานใหม่ ดังนี้ครับ ลองแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันไปด้วยกันนะ ซึ่ง ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ที่เขาจะเอาคุณออกไม่ได้เล็งเป้าที่คุณ แต่เขากำลังลดคอร์ส ที่เป็นต้นทุุนออกไปเพื่อการประหยัด และตั้งตัวใหม่นะครับ 4 ข้อที่เราพึงตระหนักและระลึกไว้ ก็คือเราต้องเค้นเอาศักยภาพที่มีตั้งแต่สัญญาไว้เมื่อครั้งที่มาสมัครงานวันแรกนั้นล่ะ ออกมาให้ได้มากที่่สุดเพื่ออะไร เพื่อเดลิเวอรี่ความสามารถนั้นให้เกิดการผลักดันออกมาเป็นผลงานเชิงประจักษ์และยอดเยี่ยมให้องค์กรเห็น ให้หัวหน้าคุณรู้ว่า คุณทำได้มากกว่าที่กำลังรับเงินเดือน และเขาจะได้มั่นใจว่า คุณคือตัวเลือกที่จะอยู่ต่อกับเขา และพัฒนาได้คุณต้องเรียนรู้ในงานตลอดเวลา หรือเรียกว่า Work and Learn แม้เป็นสิ่งที่นอกจากงานที่เราทำได้ดี สิ่งนี้คือการไม่เพียงแต่เป็นน้ำครึ่งแก้ว บางทีคุณอาจจะต้องทุุบแก้วใบเดิมเติมน้ำใส่แก้วใบใหม่เสียด้วยซ้ำไป การกล้าเช่นนี้ไม่ใช่ความก้าวร้าว แต่คือก้าวไปข้างหน้าว่า องค์กรที่ทำงานให้เรานั้นกำลังต้องการอะไรใหม่ที่คนเดิมอย่างเราก็ทำได้ อาจจะเรียกว่า เป็นการอัปสกิล หรือ รีสกิล อะไรก็เถอะคิดเสมอด้วยหัวใจไม่ประมาท ซึ่งจะเป็นแรงขับให้เราก้าวไปอย่างไม่หยุดนั่นก็คือ เราทำงานแบบผู้ที่อยู่บนความเสี่ยงเสมอ โดยระลึกว่า การทำงานทุกวันเป็นวันสุดท้ายที่่จะโดนไล่ออก คิดเช่นนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับแต่ไม่ใช่ปล่อยวางแต่เป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงในชีวิตของเราด้วยตัวของเราเองสุดท้ายคือ แสวงหาเพื่อนและมีกัลยาณมิตร รวมถึงเป็นเพื่อนร่วมงานกับคนรอบข้างอย่าางจริงใจ ยามใดใจไร้มิตร หรือชีวิตขาดเพื่อนโอกาสก็จะเลือนลางเช่นเดียวกัน อย่างน้อย คุยปัญหากล้าที่จะเล่าและฟังกันและกันในที่ทำงาน ข้อนี้สำคัญมากครับเพราะว่า ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้น ทุกคนก็ไม่ได้แตกต่างจากเราเลย บางครั้งเราอาจจะพบกำลังใจที่ดีที่สุดก็ได้ครับเป็นกำลังใจขอให้ข้ามพ้นความกังวลใจและเติบโตได้แม้อะไร ๆ จะขีดเส้นกำกับชีวิตในฐานะ มนุษย์เงินเดือนนะครับ ถ้าจะให้ดีและทำให้รู้สึกดี ผมคิดว่า เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุดไปพร้อม ๆ กับคำว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ก็คงจะพอมีหวังว่า ความกังวลใจจะคลายลง และปลงกับชีวิตอีกทั้งพบกับทางออกแบบอัศจรรย์ก็ได้นะ เป็นกำลังใจให้นะครับบทความโดย | ชาตรี ลุนดำขอบคุณภาพประกอบจาก www.pexels.comภาพประกอบ 1ภาพประกอบ2ภาพประกอบ3ภาพประกอบ4ภาพประกอบ5 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !