ตามความเชื่อของคนไทยนับถือศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน หรือภาคใต้ มรดกตกทอดจากรุ่นปู่หรือรุ่นตารุ่นยาย หนึ่งในนั้น จะต้องมีวัตถุมงคล พระเครื่อง หรือ เครื่องรางของขลัง ที่เป็นสมบัติจากรุ่นสู่รุ่น ยกให้กันต่อๆมา ด้วยความเชื่อของคนไทยสมัยโบราณ ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เวทย์มนต์คาถา จึงนิยมเสาะหาบูชาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลไว้ป้องกนตัว และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว อันความเชื่อของคนไทยนั้นที่มีมาแต่โบราณในเรื่องของการแขวนหรือห้อยพระเครื่องติดตัวไว้นั้น นอกจากเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วนั้น ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการห้อยพระ เพื่อปกปักรักษาคุ้มผู้ที่ครอบครองพระเครื่องวัตถุมงคลนั้น ดังมีในบันทึกต่างๆของนักรบไทยในอดีต ดั่งเช่น นักรบบางระจันทร์ ที่มีพระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้าน และก่อนออกรบทุกครั้ง สำหรับการบูชาวัตถุมงคลของคนไทยนั้นแยกได้ออกมาเป็น 2 สายหลักดังนี้1.สายแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีความเชื่อคนโบราณนั้น นิยมแขวนพระหรือเสาะหาวัตถุมงคล ที่มีพุทธานุภาพด้าน คงกระพันชาตรี เนื่องจากสมัยโบราณในยามที่บ้านเมืองเกิดสงคราม ชายไทยบางกลุ่มอาสาออกไปรบ และบางกลุ่มถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เพื่อต่อสู้ป้องกันรักษาประเทศ จึงนิยมเสาะหาวัตถุมงคลเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ พระที่เชื่อกันว่าพกติดตัวจะทำให้เกิดความแคล้วคลาดปลอดภัย วัตถุมงคลในสายแคล้วคลาดนั้นมีมากหลากหลายตามแต่เกจิอาจารย์ผู้สร้งได้อธิฐานจิตปลุกเสก และความเข้มขลังในแต่ละองค์ย่อมขึ้นอยู่กับจิตของพระเกจินั้นๆ ได้ทำการบรรจุพลังปลุกเสกลงไปในวัตถุมงคลนั้น ในอดีตนั้นจะมีพระเกจิดังที่มีชื่อเสียงทางด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีอยู่หลายองค์ เหมือนกันตามที่ได้ยินเรื่องเล่าจากรุ่นสู่รุ่นนั้น เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ พระเกจิเหล่าล้วนมีชื่อเสียงดังที่ได้ยินในการกล่าวถึงวัตถุมงคลของท่านว่า ดีเด่นในด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย บทความนี้ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงวัตถุมงคล 2 แบบ ในสายแคล้วคลาด ปลอดภัย คือ พระสมเด็จ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปนั่งบนชั้นบัลลังตามแต่ผู้สร้างจะสร้าง อาจจะมี 7 ชั้น 9 ชั้น พระสมเด็จนั้นหลายเกจิหลายๆวัดได้นิยมจัดสร้าง ไว้ให้บูชา พระสมเด็จที่องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นผู้สร้างนั้นปัจจุบันหาได้ยากเป็นพระที่มูลค่าสูง และเป็นที่นิยมเสาะหาไว้ครอบครอง ในส่วนมวลสารของพระสมเด็จนั้นมีหลากหลายแบบตามแต่วัด และ เกจิผู้สร้างๆนั้นได้จัดสร้าง โดยมีเนื้อดิน เนื้อสัมริด เนื้อทอง เนื้อโลหะเป็นต้น พระสมเด็จนั้น พุทธคุณของพระสมเด็จนั้นครอบจักวาล เป็นหนึ่งในด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย และเป็นหนึ่งในพระเบญจภาคี 2.สายเมตตา มหานิยมเนื่องจากปัจจุบันประเทศไม่ได้เกิดสงคราม ความนิยมในสายเมตตา มหานิยม นั้นทำให้พระเกจิที่มีอาคมได้สร้างวันถุมงคลเพื่อให้ลูกศิษย์ไว้บูชานั้น ส่วนใหญ่จะใช้ในเมตตามหานิยม เพื่อให้คนรัก คนเมตตา และประกอบจิจการค้าขายให้มีกำไร และวัตถุมงคลสายเมตตามหานิยมที่พบเจอตามร้านต่างๆที่มีไว้เพื่อเรียกลูกค้า เช่น นางกวัก นกสาริกาลิ้นทอง หรือ พระสมเด็จ เมตตามหานิยม โดยมีความเชื่อว่าเมื่อได้บูชาจะทำให้เกิดผลในด้านการเจจรา เข้าหาผู้ใหญ่เป็นที่เมตการแก่ผู้พบเห็นทั่วไป เป็นไงบ้างครับ วัตถุมงคล 2 สายผู้อ่านนิยมหรือมีไว้ในครอบครองสายไหนกันบ้าน สำหรับผู้เขียนแล้ว มีไว้ทั้ง 2 สาย เพราะในชีวิตประจำวันคนเราต้องมีการเดินทางและพบปะผู้คนอยู่เสมอ หากเรามีสายแคล้วคลาดติดตัวไว้หากเกิดเหตุไม่คาดคิดวัตถุมงคลที่เราพกติดตัวไว้ก็อาจจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือ แคล้วคลาดปลอดภัยไม่เกิดอันตรายก็เป็นได้ ในส่วนของสายเมตตามหานิยมนั้น คนเราทุกคนย่อมอยากเป็นที่สนใจและเป็นที่รักของคนทั้วไป ยิ่งหากในสายอาชีพการงานแล้วนั้น หากบุคคลคนไหนไม่เป็นที่รัก ที่เมตตาของหัวหน้างาน ก็ย่อมที่จะมีโอกาสเจริญเติบโตในสายงานได้น้อย ดังนั้นการมีพระเครื่องในสายเมตตามหานิยมไว้ในครอบครอง ก็อาจจะพอช่วยได้ในเรื่องของความรักความเมตตา ต่อผู้พบเห็น ทำให้เกิดการอยากพูดคุย อยากเจรจา หากเป็นพ่อค้าแม่ค้า ก็แน่นอนว่า อยากจะให้มีลูกค้าเยอะๆ เพื่อความสำเร็จในอาชีพนั้นๆสุดท้ายคนเรานั้นไม่ว่าจะมีวัตถุมงคลสายไหนหากไม่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแล้ว วัตถุมลงสายไหนก็ไม่อาจช่วยได้ แต่หากผุ้ประฤติตนอยูในความดีความถูกต้อง อานุภาพของวัตถุมงคลก็จะเพิ่มพูลให้เราไปถึงเป้าหมายและประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราปราถนาก็เป็นได้ เครดิตรูปภาพทั้งหมดจากผู้เขียนรูปภาพหน้าปกโดย Canva *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565