ฉันไม่เคยคิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับวิชาละครเลย ถ้าไม่เป็นเพราะรุ่นพี่คนหนึ่งชวนแกมบังคับฉันให้มาแสดงเป็นตัวประกอบวันนั้น ฉันคงไม่มีความทรงจำดี ๆ ที่แสนอบอุ่นในวันนี้สาขาการละครเป็นสาขาวิชาหนึ่งในคณะ “อักษรฯ ทับแก้ว” ซึ่งเป็นคำเรียกสั้น ๆ จากชื่อที่แสนยาวเหยียดว่า “อักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์” สาขานี้มุ่งสอนวิชาด้านการแสดงละครเวทีเป็นหลัก จุดเด่นของสาขาวิชานี้คือการฝึกปฏิบัติ พูดอย่างสนุกปากได้ว่าการเรียนเท่ากับเล่น ฉันคงจะหยุดการสาธยายที่เพียงกูเกิ้ลก็หาเจอไว้เท่านี้ เพราะสิ่งที่ได้จากละคร ทับแก้ว นอกเหนือไปจากที่กูเกิ้ลจะหาเจอได้คือ “ความสุขแห่งความทรงจำ”เอ็งมาเข้าโปรพี่ด้วยนะเว้ยโปร หรือ โปรดักชั่น เป็นคำที่มักใช้เวลาเด็กละครจะทำละครสักเรื่องหนึ่ง นั่นก็หมายถึงกระบวนการตั้งแต่การซ้อมจนถึงละครเล่นในวันจริง (จะไม่ขอสาธยายมากอีกเหมือนกัน)ขณะที่ฉันปี 1 พี่ปี 4 ที่ไม่ได้สนิทมากนักก็ชวนฉันและเพื่อนให้เข้าโปร ไป ๆ มา ๆ กลุ่มเพื่อนของฉันส่วนใหญ่ก็เข้าโปรพี่คนนี้กันหมด พวกเราในฐานะตัวประกอบไม่ได้หวังอะไรมาก ได้แต่หวังว่าเวลาซ้อมในหนึ่งวันจะหมดลงไปสักทีปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้าโปรนั้นกินเวลาของนักศึกษามาก เป็นการเพิ่มภาระเข้ามาในชีวิตอย่างหนึ่ง ลองจินตนาการดูว่าเวลา 3-4 ชั่วโมงในทุก ๆ เย็น จะหมดไปกับการเข้าโปรเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน แค่คิดก็เหนื่อยแล้วไฟมืดลง.. เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อไฟมืดลง.. และเสียงปรบมือดังขึ้น ฉันรู้สึกว่านี่คือเออะโมมึนท์ออฟจอย ฉันจะได้พักสักที แต่เมื่อไฟเฝดขึ้นบาง ๆ เป็นสัญญาณให้ผู้ชมขึ้นมาบนเวที บ้างถ่ายรูป บ้างพูดคุย และเวลานั้นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งมาคุยกับฉันเย็นอีกวัน ฉันเข้ามาอยู่อีกโปร ไม่รู้เพราะพี่เขาพูดน่าฟัง หรือเป็นเพราะฉันเองที่ใจอ่อน แต่โปรนี้นี่แหละที่ทำให้ฉันรู้ว่าละครทับแก้วมีมากกว่าที่รู้ (ละครทับแก้วส่วนใหญ่จะเครียด งง หลับ และไม่รู้เรื่อง)ละครเรื่องที่สองนี้เป็นละครเครียดที่ตลกมาก อธิบายง่าย ๆ คือตัวละครในเรื่องเครียดแทบตาย แต่คนดูฮากระจายในที่นั่งของตัวเอง แม้ละครเรื่องนี้จบลง ชีวิตฉันก็ยังไม่พ้นไปไหน เพราะฉันสัญญากับพี่คนหนึ่งเอาไว้ว่าจะเล่นให้เขา และอีกอย่าง ฉันก็เริ่มชอบละครทับแก้วขึ้นมาแล้วสิฉันเริ่มชอบละครทับแก้วขึ้นมาแล้วสิปิดเทอมก็ยังมีละคร เรื่องนี้ฉันต้องเป็นคนแขนขวาพิการ เป็นบทที่ยากมาก ฉันต้องร้องขอให้พี่ละครคนอื่น ๆ ติวฉัน ฉันถึงกับต้องไปนั่งคุยกับตัวละครที่ฉันต้องเล่นอยู่บนสะพานสระแก้ว แม้ว่าจริง ๆ แล้วฉันก็แค่คุยกับตัวเอง แต่ลองย้อนนึกไป ฉันไม่ได้แค่คุยกับตัวเอง ฉันไม่ได้แค่คุยกับตัวละคร แต่ฉันได้คุยกับพี่ละครหลาย ๆ คนละครเรื่องนั้นทำให้ฉันได้รู้จักพี่อีกคนหนึ่ง ที่ไม่รู้จะใช้คำใดมาอธิบายไลฟ์สไตล์ของเขา สมถะ ติสต์ หรือว่าเป็นตัวของตัวเอง และก็อีกนั่นแหละ ฉันเล่นละครให้กับพี่เขาในเรื่องนี้ฉันต้องเล่นเป็น ‘เสียงวิทยุ’ แต่ความประทับใจไม่ได้มีอยู่แค่นั้น ฉันใช้เวลาเกือบจะทั้งวันทั้งคืนในแต่ละวัน เหตุผลหนึ่งคงเพราะช่วงนั้นยังปิดเทอม แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือพี่เขาทำไม่ทัน โดยเฉพาะฉาก ฉันต้องช่วยเขาระบายสีขวดพลาสติกใสให้กลายเป็นพาสเทล ต้องเร่งทำทั้งวันทั้งคืน ฉันยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งฉันถึงกับนอนอยู่ตรงลานข้างสระแก้ว ที่ที่ใช้ระบายสี เผลอหลับไป สะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ไม่รู้กี่โมง รู้แต่ว่ามีแสงแดด และภาพตะแคงมุม 90 องศาที่ฉันเห็น คือ พ่อลูกคู่หนึ่งเดินผ่านไป แม้ดวงตาของฉันจะยังทำงานไม่เต็มที่ แต่หูของฉันมีประสิทธิภาพพอจะจับใจความได้ว่าพ่อคนนั้นพูดอะไรกับลูก สุดท้ายแล้วละครเรื่องนี้ก็ผ่านไปด้วยดี และจบความทรงจำโปรละครช่วงปิดเทอมที่แสนอบอุ่นนั้นไปเด็กศิลปากรลูก พี่เขากำลังทำงานศิลปะจริง ๆ ความทรงจำเกี่ยวกับละครของฉันไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ทับแก้ว ฉันวนเวียนอยู่รอบสระแก้วแห่งนี้เสมอ ทั้งการได้เป็นแอนโธนี มีโอกาสเป็นบางอย่างคล้ายฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์ เล่นเป็นปลาทอง กลายเป็นทหารในละครที่ออกจะจักร ๆ วงศ์ ๆ เล่นละครพีเรียดย้อนยุค และปิดฉากลงด้วยการเป็นนักฆ่าตัวตายที่ไม่มีวันตาย ตอนนี้เธอคงคิดแล้วสินะว่าน่าสนใจแต่ความทรงจำจริง ๆ ยังคงมีรายละเอียดอีกเยอะ กิจกรรมหลาย ๆ อย่างก็ไม่เหมาะสมที่ควรจะเหล้า เอ๊ย! เล่า สถานที่แห่งนี้มีที่ให้เราได้ขึ้นยานบิน มีด้านหลังติดกับสระแก้ว เป็นบรรยากาศชิลล์เอ้าท์จนเหมาะจะปิ้งหมูเป็นกับแกล้ม เหล่านี้ล้วนเป็นทรงจำแห่งสุข และสุขแห่งทรงจำ เป็นอิสระแห่งสุนทรียะ และสุนทรียะแห่งอิสระ พูดให้เท่ ๆ ก็คงจะประมาณนี้ แต่เอาให้ง่าย ๆ อย่างที่คนทั่วไปเขาพูดกันก็คงประมาณว่า “ที่แห่งนี้ ศิลปากรและละครทับแก้ว ฉันยังคงจำ... จำได้ดี”