อื่นๆ
ตัวเหมือนคนแต่หัวเป็นหมู!! มันตัวอะไร?!?

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเราและเพื่อนค่ะ
ในตอนนั้นเราและเพื่อนเรียนอยู่ ม.1 จำได้ว่า ทางวัดจะจัดงานประจำปี ช่วงเดือนธันวาคม แม่ของเพื่อนเราไปเปิดขายก๋วยเตี๋ยวในงาน เรากับเพื่อนคิดอยากหารายได้บ้าง จึงได้ข้อสรุปว่าจะขายลูกชิ้นทอดแบบเป็นไม้ๆ กับพวกน้ำอัดลมใส่แก้วเล็กๆ 5 บาท10 บาทอะไรแบบนั้น
พวกเราสาระวนอยู่กับการตระเตรียมข้าวของต่างๆ ที่บ้านของเพื่อน เพื่อให้ทันขายในตอนค่ำวันนั้น โต๊ะ เก้าอี้ ข้าวของต่างๆ แม่ของเพื่อนเอาไปตั้งจองพื้นที่ที่วัดเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เช้า เหลือแต่ของสดที่ต้องขนไปทีหลัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่าย 3 โมงเย็น เราจึงขอตัวไปอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ นัดเพื่อนให้แวะมารับเราตอน 4 โมงครึ่ง
เมื่อถึงเวลานัด เพื่อนก็มารับเรา โดยเราและเพื่อนนั่งข้างหลัง ส่วนแม่เพื่อนนั่งหน้าคู่กับพ่อซึ่งเป็นคนขับ รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ ค่อยๆ แล่นไปบนถนน ซึ่งถนนสมัยเมื่อเกือบ 30 ปี ไม่ได้ลาดยางอย่างในปัจจุบัน เป็นเพียงดินแดง ดินลูกลัง ที่เต็มไปด้วยหลุมใหญ่น้อย ยามรถแล่นไปลงหลุมก็หัวสั่นหัวคลอนตามๆ กัน สำหรับเรากับเพื่อนที่เป็นเด็ก จึงเป็นความสนุกสนาน พากันหัวเราะและพูดคุยกันไปตลอดทางที่เบาะหลังนั้น
Advertisement
Advertisement
ระยะทางจากบ้านถึงวัด ประมาณ 10 กิโลเห็นจะได้ รถแล่นมาได้สักครึ่งทาง เวลาเกือบจะ 5 โมงเย็นในหน้าหนาวนั้นจะมืดเร็วกว่าปกติ อยู่ๆ พ่อของเพื่อนก็เลี้ยวรถเข้าซอยเพื่อจะเข้าไป "ทางลัด" ซึ่งจะทำให้ถึงวัดรวดเร็วกว่าเส้นทางหลัก
แล้วความน่ากลัวก็เริ่มต้นขึ้น.... 😱😱
ทางลัดที่ว่านี้ ไม่เป็นที่นิยมใช้ในยามค่ำคืนเพราะไม่ค่อยมีบ้านคน จึงทั้งมืดและเปลี่ยว แสงสว่างเดียวที่มีคือแสงไฟจากหน้ารถเท่านั้น
เรากับเพื่อนหยุดส่งเสียง นั่งเงียบ เพราะบรรยากาศมันน่ากลัว เงียบ วังเวง รอบข้างไม่มีแสงสว่างอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงเครื่องยนต์ที่แล่นเรื่อยๆ
พอมาถึงแยกบ้านคนขายหมูประจำหมู่บ้าน สายตาเรามองตรงไปตามลำแสงด้านขวามือของไฟหน้ารถ มองไกลๆ เราเห็นร่างๆ หนึ่ง เป็นผู้ชายร่างกำยำล่ำสัน อยู่ริมถนน แต่รถแล่นเข้าไปใกล้ๆ เราก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อใบหน้าเขามันไม่ใช่ใบหน้าของคน แต่เป็นใบหน้าของหมู!!!
Advertisement
Advertisement
เรามองหน้าเพื่อน แล้วเผลอจับมือกันโดยอัตโนมัติ มือเย็น เหงื่อแตก ขนลุกซู่ ไม่มีใครพูดอะไร ความเงียบจึงปกคลุมภายในในรถเลย และในขณะที่รถกำลังค่อยๆ แล่นผ่านไป เรากับเพื่อนรวบรวมความกล้าหันกลับไปมอง โดยหวังว่า บางทีตาเราอาจจะฝาด
แต่สิ่งที่เห็นกลับยิ่งตอกย้ำว่าเราไม่ได้ฝาด เพราะร่างนั้นมองจ้องพวกเรากลับมาเขม็ง เรารีบหันหน้ากลับและนั่งจับมือกันกับเพื่อนแน่น เราตัดสินใจหลับตาเพื่อจะได้ไม่ต้องมองเห็นอะไร เพื่อนบีบมือเราหนักและกระซิบข้างหูว่า "เขาตามมาอยู่ข้างรถ" ข้างที่ที่เพื่อนนั่ง ยิ่งทำให้ฉันหลับตาปี๋(กว่าเดิม) สองคนยิ่งกันแน่นกว่าเก่า โอ้ยยย!!! นาทีนั้นรู้สึกนานชั่วกัปชั่วกันต์
นานเท่าไรไม่รู้ จนเมื่อได้ยินเสียงเครื่องไฟอึกทึก เสียงจอแจของผู้คน ฉันจึงลืมตา ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามายังบริเวณวัด ทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง หลังจากได้พูดคุยกับเพื่อนแล้ว เรากับเพื่อนสรุปว่า เห็นเหมือนกัน แต่เพื่อนมีความกล้ามากกว่าเรา ที่ยังกล้านั่งจ้องตากับ "ร่างนั้น" ส่วนพ่อกับแม่เพื่อนบอกไม่เห็นอะไร แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นในรถ คงบอกได้ดีว่า เห็นอะไร...!!
Advertisement
Advertisement
และเราเพิ่งเข้าใจว่าอาการ "ขนหัวลุก" มันเป็นยังไง!!
😱😱😱😱😱😱
ความคิดเห็น
