อื่นๆ

ชิงนรก

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ชิงนรก

ชิงนรก

ชิงนรกรูปภาพจาก : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C-%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B2-%E0%B8%84%E0%B8%99-555391/

           ศาสนาแต่ละศาสนาย่อมมีศาสดาซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาและองค์ศาสดาเหล่านั้นได้พร่ำสอนให้ทุกคนประกอบแต่กรรมดี          ไม่มีศาสนาใดในโลกที่สอนให้สาวกกระทำความชั่ว  แต่ก็มีบางกลุ่มบางพวกที่พยายามแบ่งแยกศาสนาของตัวเองโดยการสั่งสอนผู้คนในทางที่ไม่ถูกต้องจนกลายเป็นลัทธิใหม่ขึ้นมา  ผู้นำลัทธิมักจะอวดอ้างสรรพคุณในการปฏิบัติร่วมกันเป็นหลักพร้อมกับคุยอวดอ้างบุญญานุภาพปาฏิหาริย์ในรูปแบบต่าง ๆ โดยให้ผู้คนสนใจยิ่งขึ้น

Advertisement

Advertisement

          เมื่อได้รับความสนใจจากผู้คนขึ้นเท่าไหร่ก็อ้างโน่นอ้างนี่ด้วยการหว่านล้อมชวนเชื่อต่าง ๆ นานา  บางคนทำงานแทบตายพอได้เงินมาแทนที่จะเก็บเอาไว้ใช้ในวันข้างหน้าเพื่อจะเกิดประโยชน์กับตนเองก็กลับเอาไปให้เจ้าลัทธิเสียหมด  ลัทธิบางลัทธิที่แตกแยกมาจากศาสนาหลักถึงกับกำหนดวันตายของแต่ละคนเอาไว้ซึ่งก็มีทั้งการฆ่าตัวตายแบบหมู่แบบกลุ่มด้วยการซดยาพิษหรือมีวิธีแตกต่างกัน  เจ้าของลัทธิเองกลับไม่กำหนดวันตายของตนเพราะผู้คนที่ฆ่าตัวตายไปแล้วไม่อาจรับรู้อะไรได้  เจ้าของลัทธิอุบาทธ์ต่างก็ร่ำรวยกันอย่างถ้วนหน้า  ประเทศไทยเราเป็นเมืองพุทธโดยมีองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา

พระรูปภาพจาก : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%9A-458491/

Advertisement

Advertisement

          หลักธรรมคำสอนมุ่งให้ทุกคนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  แม้จะเป็นเมืองพุทธแต่ประชาชนคนไทยก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกนับถือศาสนาที่ตนชอบโดยมีองค์ประมุขหรือผู้นำศาสนาแต่ละศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ  จะนับถือศาสนาใดต่างก็คือคนไทยด้วยกัน  พึงปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบขอบเขตของศาสนาและหมั่นทำบุญบำรุงศาสนาให้รุ่งเรืองแล้วจะประสบแต่ความผาสุกตลอดไป นั่นคือคำอบรมสั่งสอนของหลวงพี่จรัญที่มีต่อผมในเย็นของวันหนึ่ง   คืนนั้นเป็นคืนที่ผมได้นอนอย่างเต็มที่   พอตื่นเช้าก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าลุกขึ้นออกกำลังกายด้วยท่าบริหารกายแบบง่าย ๆ จนข้อเอ็นข้อกระดูกลั่นกรอบ  หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เก็บเครื่องหลับนอนจนเรียบร้อย   จากนั้นก็เดินตามหลวงพี่ที่อุ้มบาตรรออยู่ก่อนแล้ว หลวงพี่ออกบิณฑบาตไปตามหมู่บ้านที่ทุรกันดาร

ชิงนรก                    รูปภาพจาก : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A1-%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-1807513/

Advertisement

Advertisement

           ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นภักษาหารจึงไม่อุดมสมบูรณ์เท่าที่ควร  พอบิณฑบาตได้ครึ่งบาตรก็เดินเลี่ยงไปทางอื่นจนออกสู่ถนนใหญ่ กระนั้นการเดินทางก็ยังดำเนินไปเรื่อย ๆ เพื่อหาที่เหมาะ ๆ พัก  ระหว่างที่ก้าวเท้าอยู่นั้นก็มีพระกับเณรสวนทางมาพร้อมด้วยข้าวของที่พะรุงพะรัง  หลวงพี่หลีกทางให้เพราะเห็นว่าพระรูปนั้นแก่กว่า  “ไม่หยุดพักก่อนหรือพระ” หลวงตาทัก  หลวงพี่จรัญเลยต้องหยุดก้าวเดิน  หลวงตาชวนเข้าพักใต้ร่มไม้ข้างทางพร้อมกับเดินไปก่อน  ผมมองหลวงพี่แต่ไม่กล้าถาม  ในที่สุดหลวงพี่ก็ก้าวตามพระเณรเข้าไปนั่งที่ต้นไม้ ผมเลยต้องเดินตามเข้าไปก็คิดว่าเสื่อที่เณรปูให้แล้วนั่งยิ้มมองดูผมกับหลวงพี่เกินที่จะคาดเดา  หลวงตาประคองบาตรวางลงกับเสื่อที่ปูให้แล้วนั่งยิ้มมองดูผมกับหลวงพี่เกินที่จะคาดเดา 

ชิงนรก                                   รูปภาพจาก : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88-1807526/

           ผมปูเสื่อให้หลวงพี่เสร็จก็ออกเดินหาเศษไม้แห้งเพื่อจะได้ก่อไฟต้มน้าซึ่งเป็นกิจที่ผมต้องปฏิบัติเป็นประจำทุกเช้าและเย็น  พอกลับมาก็เห็นหลวงตากับเณรน้อยนั่งเทภักษาหารออกจากบาตรอย่างเชื่องช้า ข้าวแยกไว้ส่วนหนึ่ง  กับข้าวที่เป็นของแห้งก็แยกไว้ส่วนหนึ่ง      ส่วนพวกแกงพวกผัดก็แยกไว้ต่างหากไม่ปะปนกัน  ผมรีบก่อไฟต้มน้ำชาไม่ได้สนใจพระเณรเท่าใดนักเพราะเพิ่งพบกันเป็นวันแรกจึงไม่รู้จะถามทุกข์สุขยังไง  ปกติหลวงพี่ฉันคือประมาณ 10 ถึง 11 โมงหรือเพลแต่หลวงตาชวนให้ฉันพร้อมกันจึงเอาด้วยทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึง 9 โมงด้วยซ้ำ  หลวงพี่เลื่อนบาตรให้ผมจัดการโดยผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันอยู่ในก้นบาตรจนเขลอะไปหมด  หลวงตามองหลวงพี่จรัญกับผมแล้วถามขึ้น  “พระฉันอย่างนี้ไม่สะอิดสะเอียนแย่หรือ” “ผมปฏิบัติอย่างนี้ทุกครั้งที่ออกธุดงค์ขอรับหลวงตา” 

ชิงนรก

                              รูปภาพจาก : https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C-%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%AF-1822569/

          หลวงพี่ว่าแล้วรับเอาบาตรจากผม  หลวงตาทำท่าสะดุ้งนิด ๆ  “แสดงว่าพระบวชนานแล้วละสิ”  “บวชเณรเมื่ออายุ 10 ปีไม่ได้ทิ้งผ้าเหลืองเลยครับหลวงตา”    “ดีกว่าผมอีกนะนี่”  “ยังไงหรือครับหลวงตา"  “ผมเพิ่งบวชได้ไม่ถึงสองพรรษาน่ะสิ”  หลวงตาว่าแล้วทำท่ายำเกรงหลวงพี่จรัญของผมนิด ๆ  “หลวงตามาจากในเมืองหรือขอรับ”  “ผมมาจากต่างจังหวัดนะครับ”  เสียงของหลวงตาต่างถิ่นมีน้ำเสียงขึ้นมาบ้าง  “ ออกธุดงค์ทำใจให้สงบแสวงบุญไปเรื่อย ๆ ก็ดีเหมือนกันนะครับ  “ก็เพราะอย่างนี้ แหละผมถึงได้มาที่นี่”     “ที่โน่นไม่ดีหรือครับ” หลวงพี่ถามหลวงตายกจานข้าววางบนฝาบาตรมือข้างหนึ่งจับช้อนอีกมือหยิบโน่นหยิบนี่ใส่ในจานแล้วลงมือฉันอย่างหน้าตาเฉย เณรน้อยที่มาด้วยก็พลอยเอาตามไปด้วยเช่นกัน  พอฉันได้ 3-4 ครั้งก็หันมาถามหลวงพี่  “ไม่ฉันเสียละ”           หลวงพี่หยิบช้อนแล้วตักคำข้าวใส่ปากเคี้ยวอย่างสำรวม  “เมื่อกี้พระถามว่าอะไรนะ”   ผมเห็นหลวงพี่ออกจะกระอักกระอ่วนไม่น้อยเพราะเวลาฉันท่านไม่ค่อยสนทนากับญาติโยมเท่าไหร่นัก  “ผมถามว่าว่าที่โน่นไม่ดีหรือขอรับ”  ผมเอาน้ำชาไปให้หลวงพี่และหลวงตาพร้อมเณรน้อย  พอหลวงตาเห็นเข้าก็ทักผมทันที   “เอานี้ดีกว่าอร่อยได้รสชาติกว่าน้ำชาเป็นไหน ๆ “   หลวงตาว่าแล้วก็ล้วงเอากระป๋องน้ำอัดลมออกมาจากย่าม แล้วเปิดสลักจนน้ำอัดลมกระฉอก   จากนั้นก็ยกขึ้นดื่มหน้าตาเฉยไม่เหลือเผื่อแผ่หรือชวนแม้สักคำ  “มาที่นี่ก็ดีอย่างนี้แหละ อยากกินอะไรก็บอกโยมเขา เอาเป็นได้กินท้องอิ่มไม่เหมือนที่โน่นอยากกินอะไรก็ไม่ได้กินเวลาบิณฑบาตรมีแต่ข้าวอาหารหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทธเสียอีกนะ”

          หลวงตาว่าเป็นต่อยหอย  หลวงพี่กับผมพากันสะดุ้งแต่ก็เก็บความรู้สึกไว้ในใจ  เมื่อหลวงพี่ลงมือฉันอาหารอย่างสำรวมไม่นานก็เลื่อนบาตร  ส่วนหลวงตาก็ฉันไปเรื่อยขณะที่เณรน้อยรวบช้อน    ผมเอาข้าวก้นบาตรใส่จานแล้วลงมือกินทันที หลวงตาบอกให้เณรน้อยที่มาด้วยกันเก็บอาหารที่เหลือเอาไว้ฉันตอนเพลซึ่งเณรน้อยก็ทำตามทุกอย่าง  ผมอิ่มข้าวก็ทำความสะอาดบาตรแล้วเอาผ้าเช็ดจานไปกองรวมกับเครื่องบริขารของหลวงพี่ เมื่อเห็นท่าไม่ดีทางหลวงพี่ก็รีบกราบลาหลวงตารูปนั้นแล้วเดินทางต่อ         ผมมองก็พอจะทราบความรู้สึกของหลวงพี่อยู่บ้างว่าทำไมท่านถึงต้องการกราบลาหลวงตาเสียก่อนเวลาอันควรเช่นนี้  ภาพของผู้อยู่ในสมณเพศเมื่อครู่ยังติดตาไม่หาย   ไม่มีความสำรวมสักนิดแต่อ้างปัจจัยต่าง ๆ ที่ได้ แม้แต่เรื่องภักษาหารก็ยังเอ่ยปากขอเอากับชาวบ้าน  ไม่มีความสำรวมสักนิด  บิณฑบาตได้มาก็ขบฉันเฉพาะของตัวไม่เอื้ออาทรกับผู้อื่น เวลาฉันก็พูดกล่าววาจาไปในสิ่งไม่สมควรสำหรับผู้ครอบผ้าเหลืองบวชไปก็แค่นั้น  ยิ่งนานไปยิ่งทำให้ศาสนามัวหมอง  ชาวบ้านไม่ทราบก็พากันกราบไหว้หวังพิ่งใบบุญ  ห่มผ้าเหลืองแต่ไม่ครองตัวอยู่ในสมณเพศไม่รู้จะห่มผ้าไปทำไมมีแต่จะทำให้ศาสนามัวมองมีมลทิน ก็สมควรออกมาใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสจะดีกว่า

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์