นั่งรถไฟฟ้าไปเที่ยวเมืองนนท์

ข่าวดีถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2563 รถไฟฟ้าสายสีม่วงปรับลดราคา 14-20 บาท เลยมาชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงกัน

วันที่เดินทาง PM 2.5 หนักมาก รูปที่ออกมาเลยขมุกขมัวมากทีเดียว จากเดิมหน้าหนาวจะเป็นช่วงที่ฟ้าโปร่งถ่ายรูปสวย ต่อไปเราคงต้องปรับตัวและเริ่มยอมรับกับภาพขาวๆ มัวๆ เสียแล้ว

เริ่มต้นที่สถานีกระทรวงสาธารณสุข เราจะนั่งรถสองแถวต่อไปที่ท่าน้ำนนท์เพื่อไปชมอาคารพิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี

อาคารหลังนี้สร้างโดยกระทรวงยุติธรรมเมื่อ พ.ศ.2453 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 นับถึงปัจจุบันก็อายุ 110 ปีแล้ว ระหว่าง พ.ศ.2471 – 2535 ใช้เป็นศาลากลางของจังหวัดนนทบุรี ภายหลังเมื่อมีการย้ายที่ทำการศาลากลางไปยังศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรีแห่งใหม่แล้ว จึงได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งวิทยาลัยมหาดไทยมาจนถึง พ.ศ.2551 ต่อมามีการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี

เรานั่งเรือข้ามฟากจากท่าน้ำนนท์ไปท่าบางศรีเมือง เพื่อไปถ่ายรูปจุดเช็คอินใหม่ใต้สะพานมหาเจษฏาบดินทรานุสรณ์ จุดนี้อยู่ติดกับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเดิม หรือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองปากคลองอ้อม เราเลยแวะเข้าไปไหว้ในศาลก่อน

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เล่ากันว่ามีอายุไม่น้อยกว่า 300 ปี สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์เห็นว่าประชาชนหนีภัยข้าศึกมาแล้วไม่ยอมกลับคืนพระนคร เพื่อให้ง่ายต่อการเกณฑ์ไพร่พลไว้ต่อสู้ศึก จึงจัดตั้งเมืองใหม่ขึ้น ณ ที่บ้านตลาดขวัญเป็นเมืองนนทบุรี ต่อมาพ.ศ.2179 พระเจ้าปราสาททอง โปรดเกล้าขุดคลองตอนใต้ของวัดท้ายเมือง ไปทะลุทางออกของแม่จ้ำอ้อมหน้าวัดเขมา (เดิมแม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าไปทางบางใหญ่และออกมาทางบางกรวย) กระแสน้ำเปลี่ยนไป คลองที่ขุดใหม่กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีพระราชดำริคลองที่ขุดกลายเป็นแม่น้ำ อาจทำให้ข้าศึกเข้ามาประชิดพระนครได้ง่าย เห็นควรหาทางป้องกันข้าศึกศัตรูให้มั่นคง จึงโปรดเกล้าให้สร้างป้อมปราการตรงปากแม่น้ำอ้อม และให้ย้ายเมืองนนทบุรีจากบ้านตลาดขวัญ มาอยู่ที่ปากแม่น้ำอ้อมด้วย พร้อมกับสร้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขึ้น ณ เมืองนนทบุรี เพื่อความเจริญมั่นคงของบ้านเมืองสืบไป เทพยดาที่อัญเชิญมาคุ้มครองรักษาชาวเมืองนนทบุรีนั้น มี 5 องค์ด้วยกันคือ เจ้าพ่อหลักเมือง เจ้าพ่อเสื้อเมือง เจ้าพ่อทรงเมือง เจ้าพ่อแสงมณี และเจ้าแม่ทับทิม

ใต้สะพานมีสตรีทอาร์ทชุดใหม่ เป็นภาพเกี่ยวกับวิถีชีวิตและแหล่งท่องเที่ยวในเมืองนนทบุรี เช่น เกาะเกร็ด รถสามล้อ ทุเรียน

สตรีทอาร์ทริมแม่น้ำเจ้าพระยาวิวดีทีเดียว แต่ไม่แนะนำให้มาเย็นมากนัก เพราะค่อนข้างเปลี่ยว

หลังจากนั้นเราข้ามกลับมาฝั่งนนทบุรีเพื่อกลับไปขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีแยกนนทบุรี 1 เพื่อไปร้านปลาร้าสาขาสนามบินน้ำโดยตำยำแหลก ร้านอยู่ติดกับตลาดนกฮูก

บรรยากาศภายในร้าน

เคยออกสื่อดังหลายเจ้า

เมนูอาหารหลากหลาย ราคาไม่แรงมาก

ส้มตำไหลบัวปูปลาร้า (79 บาท) ไหลบัวกรอบอร่อย รสชาติเผ็ดจัดจ้านมากทีเดียว

ข้าวหน้าคอหมูย่าง (59 บาท) เป็นเนื้อส่วนใหญ่ติดมันไม่มากกับน้ำจิ้มข้าวคั่วเปรี้ยวนิดๆ อร่อยดี

อิ่มแล้วขึ้นรถไฟฟ้าต่อไปสถานีเตาปูน ออกจากสถานีเดินไปไม่ถึง 5 นาทีก็จะเจอ ร้านไอศกรีมทิพย์รส ร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2513

เมนูสวยงาม

ไอศกรีมลูกละ 30 บาท ลองสั่งมาสองรสลิ้นจี่กับมะนาวสีสวยหวาน ลิ้นจี่หอมดีออกหวานไม่เปรี้ยว แนวเชอร์เบท ส่วนมะนาวจะเป็นเนื้อไอศกรีมมากกว่า เปรี้ยวๆ เย็นๆ ชื่นใจ

นอกจากนี้ ยังมีเมนูที่ครีเอทใหม่ๆ อีก แต่ราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามความสวยงาม เหินห่าวชือ (109 บาท) ชื่อจีนแต่เป็นไอศกรีมชาไทย 1 ลูก รสชาติไม่หวานมากมีความหอมชาไทยแต่ไม่เข้มข้นมาก มีพร็อพเป็นไข่เค็ม ซอสไข่เค็ม ตัวซอสอร่อยดีเนื้อละมุนเค็มนิดๆ และขนมยิ้มเสน่ห์ เป็นครั้งแรกที่รู้จักขนมนี้ สรุปจานนี้เจินเตอะเหินห่าวชือ (อร่อยมากจริงๆ) แต่ไอศกรีมชาไทยละลายเร็วมาก ถ่ายรูปที่สองก็เริ่มละลายแล้ว

จริงๆ แล้วรถไฟฟ้าสายสีม่วงยังไปเที่ยวได้อีกหลายที่ แต่ด้วยเวลาจำกัดเราเลยปิดทริปที่สถานีนี้ก่อน ย้ำว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงลดราคาถึงวันที่ 31 มี.ค. 2563 นะ อย่าลืมรีบไปใช้กันนะ

ร้านปลาร้า สนามบินน้ำ โดยตำยำแหลก

โครงการ Eat Up หน้าสนามไดร์ฟกอล์ฟสุวงศ์ชัย ปากซอยเลี่ยงเมืองนนทบุรี 15 ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี

เปิดทุกวัน 11.30 น. ถึง 22.00 น.

ร้านไอศกรีมทิพย์รส

ซอยกรุงเทพนนทบุรี 2 (เดินเข้าซอยอยู่ซ้ายมือ)

เปิดทุกวัน 08.00 น. ถึง 20.00 น.

ภาพประกอบโดย food.travel.addict