อื่นๆ
ผีสิงป้ามะลิ

ภาพประกอบของผู้เขียน
บางเรื่องเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง หรือมีจริง แต่ความเชื่อ และสิ่งที่เห็นก็ทำให้คิดว่านั่นคือความจริง ดั่งเช่นเรื่องผีสิงป้ามะลิ
สมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก มักจะมีเรื่องเหลือเชื่อ และเร้นลับเหนือธรรมชาติมากมาย อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนหมู่บ้านที่ฉันอยู่นั้นกันดารมาก ความเจริญยังเข้าไปไม่ถึง หมู่บ้านซ่อนอยู่หลังภูเขาซึ่งทอดยาวไกลออกไป เสมือนกำแพงกั้นให้พวกเราตัดขาดจากโลกภายนอก
ทุกคนในหมู่บ้านอยู่กันอย่างสงบสุข พวกเรามีที่ยึดเหนี่ยวทางใจก็คือวัด ทุกวันพระหรือวันนักขัตฤกษ์ ทุกคนจะพร้อมใจกันหยุดงาน และพากันไปวัด ทำบุญใส่บาตร ซึ่งเป็นวิถีที่เรียบง่าย เรื่องลักเล็กขโมยน้อยไม่มี เพราะแต่ละบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร
ถัดจากบ้านฉันไปประมาณ 500 เมตร คือบ้านของลุงล้วน เมียชื่อมะลิ ทั้งสองขายของชำ ฉันเรียกพวกเขาว่าลุงกับป้า เพราะอายุมากกว่าพ่อและแม่ ฉันไม่ค่อยกล้าคุยกับป้ามะลิสักเท่าไหร่เพราะมีคนพูดว่าแกเลี้ยงผีเอาไว้ใช้งาน โดยเฉพาะทำเสน่ห์ให้ผัวรัก ผัวหลง ทั้งที่ลุงล้วนก็ไม่ได้หล่อเหลาแต่อย่างใด แถมรูปร่างอ้วน ผมก็เถิกเป็นง่ามเทโพ
Advertisement
Advertisement
คนเขายังพูดกันอีกว่า ให้สังเกตป้ามะลิให้ดี เวลาแกคุยกับใคร จะไม่สบตา มักจะหลบตาต่ำลงดินเพราะกลัวคนจะเห็นว่า ตาแกไม่มีแวว ยิ่งพูดอย่างนี้ฉันยิ่งกลัว คิดว่าป้ามะลิเลี้ยงผีมานาน และผีสิงร่างแล้วกินเครื่องในของแก
ลูกสาวป้ามะลิเป็นเพื่อนกับฉัน และชวนฉันไปเล่นที่บ้านบ่อย ๆ เราเล่นซ่อนแอบในห้องนอนของแก ฉันเห็นพานที่ใส่ดอกไม้กับธูปเทียนเก่า ๆ ตั้งไว้ ในพานยังมีไม้แกะสลักคล้ายกับตุ๊กตาสีดำ ๆ รวมทั้งเส้นผมปอยหนึ่ง เห็นแค่นั้นฉันไม่กล้าเข้าไปอีกเลย
Advertisement
Advertisement
คืนนั้นประมาณทุ่มกว่า ๆ พ่อแม่ไปที่บ้านป้ามะลิ เพราะลุงล้วนบอกว่าป้ามะลิเป็นอะไรไม่รู้ส่งเสียงร้องครวญคราง และกรีดเสียงร้องเหมือนคนบ้า บางทีก็ขู่น่ากลัว แม่พูดกับพ่อเบา ๆ ว่าสงสัยผีมันแผลงฤทธิ์มั้ง ฉันได้ยินก็กลัวตามประสาเด็ก จึงนอนคลุมโปงอยู่แต่ในห้อง
เกือบชั่วโมงพ่อกับแม่ยังไม่กลับมาสักที ฉันเริ่มใจไม่ดี และได้ยินเสียงป้ามะลิกรีดร้องตลอดเวลา ฉันจึงเดินลัดเลาะไปตามทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จนถึงบ้านป้ามะลิ แต่ไม่กล้าเข้าไป ยืนแอบหลังต้นไม้ จากแสงตะเกียงเจ้าพายุ ฉันเห็นคนอยู่ที่หน้าบ้านแกหลายคน รวมทั้งพ่อแม่ฉันด้วย
Advertisement
Advertisement
ป้ามะลินอนบนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน แกกรีดร้อง เสียงโหยหวน แล้วก็พูดว่า กูไม่ออก กูจะกินเครื่องในมันให้หมดเลย ฉันกลัวมากค่ะ คิดว่าป้ามะลิถูกผีสิงแน่ ๆ เพราะเสียงแกเปลี่ยนไป ผมยุ่งเป็นกระเซิง ตาเบิกกว้าง ปากแกก็เป็นสีดำคล้ำ และรูปร่างแกผอมจนผิดหูผิดตา
ป้ามะลิยังคงร้องโหยหวน ทำท่าจะลุกขึ้น แต่พ่อใหญ่นาคซึ่งเป็นหมอธรรมบอกให้คนจับมือแกไว้ แล้วถามว่ามาจากไหน แต่แกไม่ตอบ สะบัดหน้าไปมา ร้องฮือ ๆ และแล้วแกเงยหน้าและมองมาตรงที่ฉันซ่อนตัวอยู่ จังหวะนั้นฉันโผล่หน้าออกไปพอดี แกก็เลยสบตากับฉัน
ฉันสะดุ้งเพราะตาป้ามะลิน่ากลัวมาก วาว ๆ เหมือนตาแมวในเวลากลางคืน และแกอ้าปากกว้าง แลบลิ้นออกมา ลิ้นแกยาวกว่าปกติ ฉันอยู่ตรงนั้นไม่ได้แล้ว ออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งกลับบ้าน ขึ้นบ้านได้ ปิดประตูล็อกกลอนและนอนคลุมโปงจนมิดหัว
จากนั้นอีกประมาณเดือนกว่า ๆ ป้ามะลิก็ตาย ก่อนตายแกดิ้นและร้องเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวด สภาพแกน่าสงสารมาก เพราะผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
ชาวบ้านพูดว่าป้ามะลิถูกผีที่สิงกินเครื่องในจนหมด จึงมีสภาพเป็นอย่างนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ฉันยังจำดวงตาวาว ๆ ของป้ามะลิได้ดี นึกถึงที่ไร ขนลุกทุกที
จรรยา เลิศพงษ์ไทย
ความคิดเห็น
