ท่องเที่ยว
เที่ยวเกาะเกร็ดเด็ดกว่าที่คิด ตามสไตล์ New Normal

ลมหนาวมาพาให้เราได้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เราอาจจะหลงลืมไปแล้ว ในสมองหวนคิดเรื่องราวในอดีตให้เราชวนคิดถึง
"เกาะเกร็ด" เกาะแรกที่เข้ามาในหัวเพราะพิษโควิด-19 ทำให้เราไปเที่ยวเกาะไหนไม่ได้ทริปเกาะต้องพับปิดตายไป เลยต้องหาเกาะที่ใกล้ ให้ความรู้สึกไปเที่ยวเกาะให้จิตใจได้อิ่มเอมซักหน่อย ว่าแล้วก็หยิบกุญแจรถบิดไปให้สุด มุ่งตรงสู่นนทบุรี หมายจะไปให้ถึง แต่เวร หรือกรรมอันใดพาให้เราไปวัดแสงธรรม ซึ่งเกือบดับฝัน เพราะอยู่คนละฝากฝั่งกับเกาะที่เราจะไปเที่ยว หากต้องการข้ามไปเราต้องเหมาเรือเป็นราคา 500 บาท อย่าหาทำนะคะ แต่วัดนี้ก็สวย สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ก็ทำให้จิตใจอิ่มเอมไปบ้าง (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะกำลังหัวเสียกับความหลงของตัวเอง) ว่าแล้วก็รีบหาจุดหมายไปยังวัดบางจาก จุดที่เราสามารถนั่งเรือข้ามฟากไปได้อย่างง่ายดาย ในราคาเพียง 5 บาท.
Advertisement
Advertisement
วัดบางจากก นนทบุรี พิกัด : http://bit.ly/2Ksc66o
นั่งให้ลมตีหน้าเบาๆ เพียงไม่กี่อึดใจก็ถึงเกาะเกร็ดเรียบร้อย เราได้ขึ้นที่ท่าน้ำวัดเสาธงทอง ทางเราก็เร่งรีบฝีเท้าขึ้นเกาะในทันที่หมายที่จะหาร้านอาหารเพื่อประทังชีวิต เพราะหิวเหลือเกินจากการหลงของเราเอง เดินไม่ทันใจ ก็เลยใช้เงินแก้ปัญหาในการเช่ารถจักรยาน ในราคา 50 บาท (ชี้จุดจากท่าเรือเลี้ยวซ้าย เดินเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ก็จะมีคุณลุงใจดีให้บริการอยู่นะคะ)
วัดเสาธงทอง เกาะเกร็ด
เมื่อได้พาหนะคู่ใจดิฉันก็รีบปั่น 4x100 เพื่อไปยังร้านอาหาร เพราะหิวมากมาย จุดแรกที่ดิฉันแวะไม่ใช่วัดไผ่ล้อมที่ดิฉันแวะไปไหว้มา แต่ด้วยความเร่งรีบดิฉันจึงไม่ได้แวะทำคอนเทนต์ รีบปั่นต่อมายัง "ร้านชาหอมที" ทันที หน้าร้านดูร่มรื่นอย่างมาก เลยดึงดูดนำพาให้เราเดินเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิต
Advertisement
Advertisement
แตงโมปลาแห้ง + ม้าฮ้อ ข้าวมันไก่ทอดส้มตำ และ ชาหอมที ตามลำดับ
ความหิวทำให้เราสั่งอาหารปาน The Rapper ชื่อเมนูอาหารแสนแปลกไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต หลายอย่างที่ต้องพึ่งพาน้องตัวน้อยที่คอยบริการ และเล่าเรื่องราวอาหารต่างๆให้เราได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลิน ร้านนี้เสน่ห์อยู่ที่ เป็นอาหารไทยโบราณทั้งหมด หาทานยากตามสตรีทฟู้ดทั่วไปอย่างแน่นอนค่ะ ไม่รีรอดิฉันเริ่มจากอาหารว่าง อย่าง แตงโมปลาแห้ง และ ม้าฮ้อ เป็นอาหารว่างที่ทำให้เรารู้สึกเป็นสาวไทยโบราณสมัยอยุธยาในช่วงซัมเมอร์
ข้าวแช่ (ราคา 95 บาท)
จริตดูเป็นสาวไทยมาอีกขั้นเมื่อสั่งชุดข้าวแช่ หน้าตาเหมาะกับจริตความเป็นหญิงไทยอย่างมาก ข้าวอัญชัน ลอยดอกมะลิหอมชื่นใจ แกล้ม กะปิหวาน ไชโป๊หวาน หมูฝอยหวาน ตักกับเข้าปากตามด้วนข้าวหอมๆ อุ๊ยอะไรมันจะมีความสุขขนาดนี้คะ และเมื่อเสร็จคาวแล้วต้องต่อห้วยของหวาน ตามคำสอนที่บอกว่า กินคาวไม่กินหวานสันดารไพร่ ไม่รีรอ สั่งชุดรับแขก ที่เป็นชุดแนะนำของที่นี่มาเป็นของแกล้มล้างปาก
Advertisement
Advertisement
ใช่ค่ะ ชุดรับแขกจะมาด้วยกันถึง 2 ชั้น ซึ่งจะเป็นการผสมกันระหว่างขนมไทยโบราณ และอาหารว่างที่หากินได้ยากมากจริงๆ ชนิดที่เรียกว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยทีเดียว ขออธิบายชั้นแรกก่อนนะคะ ซึ่งก็จะประกอบด้วย ขนมเสน่ห์จันทร์, กลีบลำดวน, ทองเอก, ขนมหันตรา, ฝอยเงิน, และจ่ามงกุฎ ส่วนอีกชั้นจะเป็นอาหารว่าง ประกอบด้วย แตงโมปลาแห้ง, ม้าฮ้อ (คล้ายไส้สาคูวางบนสับปะรด),เกสรดอกลำเจียก, และขนมต้ม
ขนมเกสรดอกลำเจียก
อิ่มหนำกับอาหารแสนประทับใจแล้ว ทางเราก็มีพลังเต็มที่ เลยหากิจกรรมทำเหมือนเก็บตัวนางงาม สิ่งที่เลือกก็คือการปั้นเครื่องปั้นดินเผา "บ้านป้าตุ่ม" เป็นโรงงานการผลิตเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่ ในร้านมีเตาเผาโบราณที่ทางคุณป้าบอกว่ามีอายุยาวนานตามฉบับโบราณ
คุณป้าเจ้าของร้านน่ารักมาก พาเดินรอบร้านพร้อมเล่าทุกขั้นตอนการทำเครื่องปั้นดินเผา ความเป็นมา และยังมีให้เราได้ลองปั้นเองอีกด้วย โดยสนนราคาอยู่ที่ 100 บาทเท่านั้น โดยจะมีพี่คอยสอนอย่างใกล้ชิด และสามารถนำกลับบ้านได้อีกด้วย
ไม่รอช้าเราได้ส่งตัวแทนอย่างน้องคนเก่งของเราขึ้นแท่นปั้น ดูจากท่าแล้วต้องสร้างประติมากรรมสุดยิ่งใหญ่ให้เราได้ชมกันอย่างแน่นอนเลยทีเดียว เพราะน้องดูตั้งใจทำเป็นอย่างมาก
และนี่คือผลงานที่เรียกได้ว่าประเมินค่าไม่ได้มีชิ้นเดียวบนโลก เรียกได้ว่าเราส่งคนทำไปไม่ผิดจริงๆค่ะ ต่อจากนั้นเราก็ปั่นจักรยานต่อ โดยรอบเกาะนี้มีระยะทางราวๆ 6 กิโลเมตร เก็บเกี่ยววิถีของชาวบ้านและธรรมชาติรอบเกาะที่สวยงาม
ขี่ไปไม่นานร่างกายก็โรยราเต็มที แวะจิบเครื่องดื่มซักหน่อย สะดุดตาร้านริมน้ำ มองวิวแม่น้ำเจ้าพระยา พักสายตายามบ่ายก็มีความสุขไปอีกแบบนะคะ ร้านบรรยากาศน่ารักน่าเอ็นดู ใครสาย Hoping ก็ไม่ควรพลาดนะคะ เพราะพี่เจ้าของร้านมีกาแฟหลากหลายให้ได้เลือกจิบกันอย่างมากมาย
หลังจากที่หยุดแวะปั่นเก็บบรรยากาศรอบเกาะแล้ว ก็ไม่วายที่จะต้องหาร้านใหม่ ก่อนกลับ เพราะว่าระยะทางช่างยาวนานเหลือเกิน แต่โชคดีที่อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่ ทางเราก็เลยยังสดใสอยู่
มาถึงร้านสุดท้าย นั่งทบทวนเรื่องราวของทั้งวันที่ผ่านมา ถ่ายทอดเรื่องราวเป็นความทรงจำผ่านตัวหนังสือ เพื่อนร่วมทริปคนหนึ่งของเรากล่าวว่า......
มันเป็นเรื่องราวดีๆที่อยากจะเขียนเก็บเอาไว้ เผื่อวันข้างหน้ากลับมาอ่านจะได้รู้ว่ามีความสุขมากแค่ไหน
ทั้งวันถึงจะไม่กี่ชั่วโมง แต่ทำให้เรายิ้มไม่หุบ ความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ เกาะเล็กที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา ทำให้เวลาไม่กี่ชั่วโมงมันช่างยาวนานขึ้น ชีวิตมีความสุขให้เราเก็บเกี่ยวได้ทุกนาทีเลยก็ว่าได้ แม้แต่โซ่จักรยานหลุดเราก็ยิ้มได้ ความสุขไม่จำเป็นต้องหรูหราเสมอไป มีนขึ้นอยู่กับว่าเวลานั้นเราอยู่กับใคร สถานที่ใดมากกว่า นั่นแหละคือความสุขที่คุณไม่อาจลืม ออกไปมีความสุขกันนะคะทุกคน วันนี้เราได้อาสาพามามีความสุขแล้ว อยากเห็นความสุขของทุกคนจัง
หากใครมีเรื่องราวดีๆ แวะมาเล่าให้เราฟังบ้างนะคะ รออ่านแทบอดใจไม่ไหวแล้ว
ภาพปก และภาพประกอบโดย : มินนี่พัสกร ทองพลึงภัทรา (อาสาพาไปลอง)
ความคิดเห็น
