เมื่อพูดถึงการจดบันทึกประจำวันหรือการเขียนไดอารี่ หลายๆคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีในการทำงานหรือติดต่อสื่อสารกันในชีวิตประจำวันอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ล้าสมัยและเสียเวลา แต่เราอาจลืมคิดไปว่าการจดบันทึกนั้นไม่ได้มีประโยชน์แค่สำหรับการจดจำเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตเท่านั้น แต่เราสามารถนำการจดบันทึกมาช่วยพัฒนาชีวิตของเราในด้านต่างๆได้ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเป้าหมายของเราคือการพัฒนาตนเองแล้ว การจดบันทึกนั้นจะไม่ได้โฟกัสอยู่ที่การเขียนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเหมือนที่เคยเห็นกันมาอีกต่อไป และสำหรับใครที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน เริ่มจากการจดบันทึกดูก็น่าสนใจนะคะ ซึ่งในบทความนี้เราก็มีแนวทางการจดบันทึกเพื่อพัฒนาตนเองที่เรียบง่ายและไม่ยุ่งยากมาฝากกันค่ะ1. การเขียนขอบคุณสิ่งต่างๆในชีวิตความรู้สึกขอบคุณสิ่งเล็กๆน้อยๆเป็นสิ่งที่คนเราอาจมองข้ามไปเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ แต่หารู้ไม่ว่าการรู้สึกยินดีหรือขอบคุณกับสิ่งต่างๆในชีวิตนี่แหละ ที่จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่เราเริ่มจากการจดบันทึกสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณในวันนั้นและสิ่งๆนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เลยนะคะ เราอาจขอบคุณคุณแม่ที่ตื่นเช้ามาทำอาหารให้ทาน หรือ รู้สึกยินดีที่วันนี้เรายังมีลมหายใจอยู่ ซึ่งข้อนี้อาจฟังดูตลกใช่มั้ยคะ แต่ความจริงที่เรายังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆเรื่องหนึ่งเลยล่ะค่ะ การจดสิ่งเล็กๆน้อยๆพวกนี้จะฝึกให้สมองของเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่น่ายินดีในชีวิตและถ้าหากทำติดต่อกันเป็นประจำ สมองของคุณจะเริ่มมองเห็นและสังเกตสิ่งดีๆรอบตัวได้แบบที่ไม่ต้องบังคับเลยล่ะ2. บันทึกบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากวันนั้นๆพวกเราคงเคยได้ยินกันมาบ่อยๆว่า 'การใช้ชีวิตในทุกวัน มีเรื่องให้เรียนรู้อยู่เสมอ' และมันเป็นเรื่องที่เถียงไม่ได้เลยล่ะค่ะ ถึงแม้ว่าเราอาจจะรู้สึกว่าวันนั้นไม่ได้มีเรื่องอะไรที่เราได้เรียนรู้เพิ่มเลย แต่เชื่อเถอะค่ะว่าเราต้องได้รับบทเรียนชีวิตอะไรมาบ้างแหละ แต่เราอาจมองข้ามมันไปเพราะมันอาจจะเป็นเรื่องที่เล็กมาก แต่ใครจะรู้ล่ะค่ะว่าการที่ชีวิตเราไม่สามารถเดินหน้าหรือพัฒนาต่อไปได้ อาจเป็นเพราะเราไม่ได้นำบทเรียนเล็กๆนั้นมาปรับใช้ในชีวิตอย่างถูกต้อง หากเราสละเวลามานั่งทบทวนตัวเองสักหน่อย เราอาจได้เรียนรู้ความจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเอง เช่น จากการนั่งทบทวนเหตุการณ์ในห้องประชุมวันนี้ เราได้เห็นจุดแข็งหรือจุดอ่อนของตัวเองในเรื่องใดบ้าง3. การสำรวจอารมณ์ของตัวเอง'อย่าปล่อยให้อารมณ์ควบคุมเรา' ทุกคนเคยได้ยินประโยคนี้ไหมคะ สำหรับบางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก และนั่นเกิดจากการที่เราไม่รู้เท่าทันอารมณ์หรือความรู้สึกของตัวเองค่ะ วิธีหนึ่งในการควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ก็คือการจดบันทึกอารมณ์ในแต่ละวันนั่นเองค่ะ หลังจากกลับจากเรียนหนังสือหรือทำงาน ลองมานั่งสำรวจอารมณ์ของตัวเองกันนะคะว่าทั้งวันนั้นมีเหตุการณ์หรือช่วงเวลาไหนที่เรารู้สึกเสียใจ มีความสุข เครียด โกรธ หรือหงุดหงิดบ้าง และทำการจดบันทึกลงไปค่ะ จากนั้นลองถามตัวเองว่าตอนนั้นมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น อะไรทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น ลองมองย้อนกลับไปให้เห็นถึงสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์นั้นของเราค่ะ เช่น ที่เรารู้สึกโกรธ อาจเป็นเพราะถูกหัวหน้าตำหนิว่างานเราไม่ดี หรือ สั่งให้แก้งานซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอเรารู้สาเหตุแล้ว ให้ลองนั่งคิดดูค่ะว่าเราสามารถแก้ไขหรือทำอะไรเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้นไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้บ้างไหม หากไม่มีวิธีหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้นๆ เราก็ลองคิดหาวิธีจัดการกับอารมณ์นั้นๆของตัวเองให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อที่ต่อไปหากมีเรื่องคล้ายๆเดิมเกิดขึ้นอีก เราจะได้ไม่เกิดอารมณ์ที่รุนแรงเหมือนเช่นเคย4. วิเคราะห์ปัญหายากๆที่เกิดขึ้นเวลาเจอปัญหาอะไรในชีวิต ลองหยิบสมุดขึ้นมาและจดบันทึกปัญหานั้นๆลงไปสิคะ พยายามคิดหาวิธีหรือทางออกให้กับปัญหานั้นๆ โดยอาจเริ่มจากการวิเคราะห์ว่าปัญหานั้นเกิดจากอะไรและลองเขียนวิธีการแก้ปัญหาในหลากหลายรูปแบบที่สามารถคิดขึ้นได้ลงไป ลองคาดเดาว่าหากใช้วิธีนั้นๆแล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร และมีวิธีอื่นที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้อีกไหม หลังจากคิดและเขียนไปสักพัก คุณอาจได้วิธีการแก้ปัญหาที่รอบคอบและดีที่สุดออกมาก็ได้ และที่สำคัญ วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้คุณวางแผนการแก้ปัญหาได้ดีขึ้นแล้ว หากฝึกทำเป็นประจำ เวลาคุณพบเจอปัญหาอะไรในชีวิต คุณจะวางแผนแก้ปัญหาได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วยล่ะ5. รู้จักตนเองมากขึ้นผ่านการเขียนคนที่ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองได้นั้น อาจไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากบอกคุณแต่เพราะเขาเองก็ยังไม่สามารถตอบตัวเองได้เช่นกันว่าเขากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่ ซึ่งทางออกของปัญหานี้คือการเขียนค่ะ ก่อนจะหมดวัน ลองหยิบสมุดขึ้นมาและหลับตา ระหว่างที่หลับตาให้นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นและสะท้อนกลับมาที่ตัวคุณ เช่น วันนั้นคุณมีความสุขไหม ถ้าแก้ไขอะไรที่เกิดขึ้นได้ คุณอยากกลับไปแก้ไขอะไรไหม หรือรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรที่คุณทำได้ดีกว่านี้ไหม เป็นต้น จากนั้นให้คุณลืมตาและเขียนทุกความรู้สึกที่มีลงไปโดยที่ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องอื่น เช่น ความเรียบร้อยของลายมือหรือการสะกดคำอย่างถูกต้อง แต่ให้คุณโฟกัสอยู่ที่ความรู้สึกตอนนั้นเป็นหลัก ขั้นตอนนี้อาจจะฟังดูเข้าใจยาก แต่ถ้าลองทำดูแล้ว เมื่อกลับมาอ่านที่ตัวเองเขียน คุณจะเห็นเลยค่ะว่าสมองของคุณเก็บเรื่องราวและความรู้สึกต่างๆไว้มากมาย เพียงแค่คุณอาจไม่เคยมีโอกาสได้ระบายมันออกมา ทำให้เรามักมองไม่เห็นว่าจริงๆแล้วเรามีความคิดอย่างไรบ้าง หรือจริงๆแล้วเราต้องการอะไร หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ให้เราอ่านที่เราเขียนลงไปและทำความเข้าใจตนเองให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีความคิดอะไรที่เราควรแก้ไขบ้างไหม หรือมีอะไรที่เราอยากทำแต่ไม่เคยได้ทำสักที และที่สำคัญที่สุดของขั้นตอนนี้เลยก็คือ คุณจะได้รู้จักตัวเองมากขึ้นในมุมที่คุณอาจไม่เคยมองเห็นมาก่อนเลยการรู้จักตนเอง เป็นจุดเริ่มต้นของปัญญาทั้งปวงก่อนจากกันในวันนี้ ก็ขอเชิญชวนให้ทุกคนหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมาและมาเริ่มจดบันทึกกันนะคะ คุณจะเห็นผลลัพธ์และประโยชน์ของการเขียนที่มากมายอย่างคาดไม่ถึงเลยล่ะ! ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay : รูปภาพหน้าปก / รูปประกอบที่ 1 / รูปประกอบที่ 2 / รูปประกอบที่ 3 / รูปประกอบที่ 4 / รูปประกอบที่ 5