ปัญหาร้านขายยาแขวนป้ายสู่ผลกระทบต่อผู้บริโภค ร้ายขายยาส่วนใหญ่มีการแขวนป้ายของเภสัชกรเพื่อให้สามารถเปิดร้านขายยาต่อได้โดยใช้วิธีการจ้างเภสัชกรมาอยู่ในเฉพาะช่วงเวลาที่มีการตรวจประจำปี และจ้างบุคคลทั่วไปในการให้บริการตามเวลาเปิดร้านปกติ ทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงในการรับยาจากการจ่ายยาโดยผู้ที่ไม่ใช่เภสัชกร ตามกฎหมายผู้ที่สามารถเปิดร้านขายยาได้ไม่จำเป็นต้องเป็นเภสัชกรเท่านั้น จะเป็นบุคคลใดก็ได้ที่มีทุนมากพอและต้องการเปิดร้านขายยา โดยจะมีการจ้างลูกจ้างทั่วไปที่พอมีความรู้ด้านยามาทำหน้าที่แทนเภสัชกร ส่วนนายทุนมีการซื้อป้ายของเภสัชกรมาวางไว้ในร้าน ซึ่งตามกฎหมาย พระราชบัญญัติยา มาตรา 39 ที่ระบุไว้ว่า ให้ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการอยู่ประจำ ณ สถานที่ขายยาแผนปัจจุบันตลอดเวลา จากการสัมภาษณ์เภสัชกร เอ นามสมมติ (ไม่ประสงค์ออกนาม) กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการแขวนป้ายของเภสัชกรว่า “ค่าตัวในการทำงานขอเภสัชกรที่ประจำร้านมีราคาค่อนข้างสูง โดยทั่วไปปัจจุบันจะอยู่ที่ 30,000 บาท ซึ่งหากจ้างคนทั่วไปหรือผู้ช่วยรวมกับค่าใบประกอบวิชาชีพหรือป้ายที่ซื้อมาจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 15,000 บาท หากออกไปต่างจังวัดค่าใบก็จะเพิ่มขึ้นอีก แต่จะเห็นได้ว่ามีราคาที่ถูกกว่าการจ้างเภสัชกรทำให้เกิดร้านที่มีเภสัชแขวนป้ายขึ้นมา” ปัจจุบันนี้ถ้าสืบค้นในอินเทอร์เน็ตจะพบว่ามีการประกาศขายใบประกอบวิชาชีตของเภสัชกรอยู่ตามเว็บบอร์ดเฉพาะ หรือหน้าเพจที่เกี่ยวข้อง ในบางรายยังมีการสร้างคอร์สเรียนเพื่อเพิ่มความรู้ในการจัดสรรยาให้กับบุคคลทั่วไปที่ทำงานในร้านขายยาอีกด้วยแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อันตรายโดยตัวของเภสัชกรเอง การที่ออกกฎหมายให้มีเภสัชกรประจำร้านอยู่ตลอดเวลานั้นถือเป็นสิ่งจำเป็นที่สร้างความปลอดภัยให้กับผู้บรโภคที่เข้าไปใช้บริการ ยกตัวอย่างในกรณีที่ที่ผู้บริโภคมีโรคประจำตัวและต้องการซื้อยาบางอย่างซึ่งยาตัวนั้นไม่สามารถทานร่วมกับยาที่ใช้รักษาโรคประจำตัวได้ แต่ถูกจ่ายยาจากผู้ที่ความรู้ไม่เพียงพออาจเกิดอันตรายแก่ผู้มาใช้การได้ ทั้งนี้รวมไปถึงการจ่ายยาปฏิชีวนะที่มีการออกฤทธิ์รุนแรงด้วย ทางด้านว่าที่รต.กฤษฎา ฉิมพลีวัฒน์ อาจารย์พิเศษวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์และเลขานุการชมรมร้านขายยาจังหวัดระนอง มองว่าการมีเภสัชกรแขวนป้ายเป็นเรื่องของบุคคลเพราะถ้าเภสัชกรคนนั้นมีงานประจำ การทำโอทีก็จะช่วยเพิ่มเงินเดือนได้ ซึ่งมูลค่าที่ได้ไม่ต่างจากการรับแขวนป้ายมากนัก โดยส่วนใหญ่แล้วร้านที่ต้องการแขวนป้ายนั้นจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าป้ายเข้าไปอย่างต่ำวันละ 500-700 บาทต่อวัน ทำให้เกิดการขายยาประเภทอื่นที่มีมูลค่ามากกว่าหรือทำธุรกิจอื่นมากขึ้นเพื่อนำผลกำไรตรงนั้นมาจ่ายให้กับค่าป้ายแต่เท่ากับว่าร้านยานั้นต้องการป้ายเพิ่มนั่นเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงระบบร้านยาภายในเมืองไทย ในส่วนของเภสัชกรที่หากตัดวงจรเหล่านี้ได้ก็อาจจะไม่เกิดปัญหาเกี่ยวกับเภสัชกรแขวนป้ายหรือร้านยาผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นอีก จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า ในปี 2560 มีเจ้าหน้าในกรุงเทพเพียง 30 คนที่ทำการตรวจร้านยา จำนวนถึง 5,000 ร้าน และมีการตรวจอย่างน้อยเพียง 1 ครั้งต่อปีเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดการแขวนป้ายจนนำไปสู่ร้านขายยาไร้เภสัชที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่อันตรายถึงสุขภาวะโดยตรง หากพบร้านขายยาที่จำหน่ายยาผิดกฎหมาย หรือ ไม่มีเภสัชกรประจำร้านสามารถแจ้งเบาะแส ร้องเรียนได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกจังหวัด ขอบคุณภาพประกอบ 1 ของ mrsiraphol จาก freepik ขอบคุณภาพประกอบ 2 ของ creativeart จาก freepik ขอบคุณภาพประกอบ 3 ของ aleksandarlittlewolf จาก freepik ขอบคุณภาพหน้าปก Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !