หมายเหตุ: บทความนี้ไม่มีการสปอยเรื่อง His Dark Materials และ The Golden Compass เครดิตภาพประกอบบทความนี้ จากเว็บไซต์Official @HisDarkMaterialsOfficial ในปี พ.ศ. 2550 ผมได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่อง อภินิหารเข็มทิศทองคำ (The Golden Compass) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ครอบครัวที่ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยาย มหันตภัยขั้วโลกเหนือ (Northern Lights) ฉาก (Setting) ของเรื่องเป็นโลกแฟนตาซีที่มนุษย์ล้วนมีภูติประจำตัวเป็นสัตว์พูดได้ ซึ่งพวกมันคือจิตวิญญาณของมนุษย์ที่มีตัวตนจับต้องได้ นอกจากภูติสัตว์แล้ว ในโลกนี้ก็ยังมีเหล่าแม่มดและเผ่าพันธุ์หมีขั้วโลกพูดได้แถมสวมเกราะ เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เกี่ยวกับการผจญภัยของ ‘ไลร่า’ เด็กสาวกำพร้าที่ออกตามหาเพื่อนสนิทของเธอ ‘โรเจอร์’ ที่ถูกพวกตัวกินเด็กลักพาตัวไป ไลร่าออกไปผจญภัยพร้อมกับเข็มทิศทองคำวิเศษที่สามารถตอบความจริงทุกอย่างที่ผู้ใช้อยากรู้ ซึ่งการใช้เข็มทิศนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยปกติต้องผ่านการศึกษาวิธีการใช้มาอย่างดี แต่ไลร่านั้นสามารถตีความเข็มทิศได้ด้วยตัวเองผมชมภาพยนตร์เรื่องนี้พร้อมกับครอบครัวของผมในโรงภาพยนตร์แถวบ้าน ตัวภาพยนตร์ถูกโปรโมทว่าถูกผลิตโดย ‘นิวไลน์ซินิมา’ สตูดิโอเดียวกันกับที่ผลิตภาพยนตร์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซึ่งภาพยนตร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังในด้านฉากและวิชวลเอฟเฟค โลกแฟนตาซีที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์ประกอบฉากอลังการ โดยเฉพาะเข็มทิศที่ไลร่าพกติดตัว รายละเอียดรูปสัญลักษณ์และฟันเฟืองของเข็มทิศทำให้อุปกรณ์มีเสน่ห์และน่าจดจำ ซีจีเอฟเฟคก็ช่างตระการตา ผมยังจำความรู้สึกประทับใจภาพเวลาเข็มทิศบอกความจริงไลร่า และภาพของเหล่าภูติสัตว์กับ ‘ยอริก’ หมีขั้วโลกสวมเกราะลวดลายละเอียดยิบที่ต่างปรากฏตัวอย่างมีชีวิตชีวาบนจอเงินด้วยเวทย์มนตร์แห่งซีจีแต่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่วายถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะตัวภาพยนตร์ถูกโฆษณาว่าเป็นภาพยนตร์ครอบครัว เด็กก็ควรดูได้ผู้ใหญ่ก็ดูดี แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับทำให้ผู้ใหญ่กลัวว่าประเด็นของภาพยนตร์ที่ดูเหมือนเกี่ยวกับศาสนจักรจะทำให้เยาวชนต่อต้านศาสนา อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงจากนิยายต้นฉบับให้เหมาะกับผู้ชมส่วนใหญ่และมีเนื้อหาที่จรรโลงใจขึ้น ยังทำให้แฟนๆ นิยายต้นฉบับไม่พอใจอย่างยิ่ง ส่งผลให้ภาพยนตร์ทำเงินได้เพียง 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอเมริกา ทั้งๆ ที่ตัวภาพยนตร์ใช้ทุนการสร้างถึง 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ทางสตูดิโอได้วางแผนสร้างภาพยนตร์ภาคต่อ แต่ก็ถูกยกเลิกในท้ายที่สุด ซึ่งนับว่าน่าเสียดาย เพราะภาพยนตร์มีการทิ้งปมน่าสนใจไว้ถึงแม้ภาพยนตร์จะไม่ประสบความสำเร็จนัก และถูกกล่าวขานว่าไม่ใช่การนำเสนอเรื่องราวจากนิยายต้นฉบับที่ดี แต่ผมก็ซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมได้รู้จักวรรณกรรมไตรภาคชุดนี้ ธุลีปริศนา (His Dark Materials) แต่งโดยฟิลิป พลูแมน นวนิยายถ่ายทอดโลกแห่งจินตนาการอันน่าหลงใหล เต็มไปด้วยพลพรรคสัตว์พูดได้ซึ่งทำให้คนรักสัตว์อย่างผมใจอ่อน หลังจากอ่านนวนิยายชุดนี้จบ สิ่งที่น่าตกใจสำหรับผมคือ แม้ว่านิยายจะถูกจัดอยู่ในหมวดวรรณกรรมเยาวชน แต่แก่นของนิยายนั้นเต็มไปด้วยประเด็นจริงจัง อ่อนไหว และชวนขบคิด มันน่าเสียดายที่ฉบับภาพยนตร์ไม่ได้ไปต่อ ผมได้เพียงแต่หวังว่าการผจญภัยของไลร่าจะประจักษ์แก่สายตา ไม่เป็นเพียงแต่ภาพที่จินตนาการจากตัวหนังสือสิบสองปีต่อมา ‘บีบีซี’ และ ‘เอชบีโอ’ จับมือกันนำนวนิยายชุดนี้มาผลิตเป็นละครชุดโดยใช้ชื่อว่า His Dark Materials ละครชุดนี้เล่าเรื่องของไลร่า ผู้ถืออลิธีอามิเตอร์ (เข็มทิศทองคำบอกความจริง แต่ในเรื่องไม่เคยเรียกมันว่าเข็มทิศเลย) และภูติประจำตัวของเธอ แพน ทั้งสองได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกคู่ขนานมากมายซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับฝุ่นธุลีปริศนา พวกผู้ใหญ่ดึงดูดฝุ่นนี้มากกว่าพวกเด็กๆ เหตุการณ์นี้นำพาทั้งสองไปสู่การผจญภัยสุดขอบโลกและเหนือกว่านั้น ในรอบนี้ ผู้ที่มาสวมบทไลร่า เด็กสาวจอมแก่นคือ ‘แดฟเน คีน’ ผู้เคยฝากผลงานการแสดงไว้ในภาพยนตร์ โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน ในบทของลอว์รา ซึ่งเธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์ในเรื่องได้อย่างหนักแน่น แม้แทบจะไม่มีบทพูดเลย ละครชุดนี้ยังได้ดารานักแสดงมากฝีมือคนอื่นๆ ที่คุ้นตาคนไทยมาร่วมแสดง เช่นเจมส์ แม็กอะวอย (เควินจากSplit และชาร์ลส์ เซเวียร์จากX-Men film franchise) และลิน-มานูเอล มิแรนด้า (แจ็คจากMary Poppins Returns และอเล็กซานเดอร์ แฮมิลตันจากHamilton) เป็นต้นหลังจากดูHis Dark Materialsมาได้เกินครึ่งทาง ผมเชื่อว่าละครชุดนี้ควรค่าแก่การรับชม ฉบับละครให้เวลากับการพัฒนาเนื้อเรื่องซึ่งเกี่ยวพันธ์กับการสื่อถึงแก่นของเรื่อง เราได้เห็นความยากลำบากของไลร่าในการเรียนรู้การใช้อลิธีอามิเตอร์ ผิดกับฉบับภาพยนตร์ที่ครู่เดียวก็ใช้เป็นแล้ว และเรายังได้เห็นการมีปฏิสัมพันธ์ของตัวละครที่นำไปสู่พัฒนาการความสัมพันธ์ของพวกเขา สิ่งนี้สำคัญมากเพราะมันทำให้เรารู้จักตัวละครและแคร์ว่าพวกเขาทำอะไร และยังต้องเผชิญกับอะไรบ้าง การที่ไลร่ามีปฏิสัมพันธ์กับพวกผู้ใหญ่ เธอตั้งคำถามว่าผู้ใหญ่บอกความจริงเธอรึเปล่า สามารถเชื่อใจคนนู้นคนนี้ได้ไหมแม้ว่าเธอจะมีอุปกรณ์วิเศษที่ทำให้เธอรู้ความจริงก็ตาม ช่วยทำให้แก่นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อใจเห็นได้ชัดเจนขึ้น ฉบับภาพยนตร์สื่อเพียงประเด็นการต่อต้านศาสนจักร แต่ฉบับละครชุดนั้นตามรอยต้นฉบับ คือให้ความสำคัญกับประเด็นการต่อสู้การกดขี่จากผู้มีอำนาจเสียมากกว่า ความจริงเป็นเสมือนความรู้ที่ทำให้คนมีอำนาจ ผู้คนเชื่อมั่นในผู้มีอำนาจที่เป็นผู้รู้ คนยึดความเชื่อเป็นที่พึ่ง พึ่งพาผู้มีอำนาจ ความเชื่อจึงสามารถเป็นเครื่องมือควบคุมผู้คนได้ แต่ผู้มีอำนาจอาจข่มเหงผู้อ่อนแอโดยการปกปิดความจริง ในอีกแง่หนึ่ง การเผยแพร่ความจริงก็อาจทำให้ผู้มีอำนาจหวาดกลัวได้เมื่อกล่าวถึงเรื่องการให้เวลา แม้ฉบับภาพยนตร์จะมีการพูดถึงฝุ่นธุลีปริศนาเช่นกัน แต่กลับถ่ายทอดออกมาเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อย เพราะในต้นฉบับ มหันตภัยขั้วโลกเหนือ ปมฝุ่นธุลีและโลกคู่ขนานเป็นเพียงแค่เหตุผลว่าทำไมถึงมีการลักพาตัวเด็กและทำไมศาสนจักรถึงกังวล ปมเหล่านี้มีความสำคัญมากขึ้นในนิยายภาคต่อ ดีที่ละครชุดนี้ก็ได้รับการอนุมัติทำภาคต่อ ซึ่งแปลว่าเราจะได้เห็นหลายๆ ปมและประเด็นของเรื่องนี้ถูกต่อยอด ในละครยังแสดงจักรวาลอื่นๆ มากมายของธุลีปริศนาให้เห็น ไม่เป็นเพียงคำพูดจากบทสนทนาของตัวละคร (Show, Don’t tell)อีกเหตุผลที่ทำให้ฉบับละครควรค่าแก่การรับชมคือ คุณภาพการผลิตของฉบับละครไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าฉบับภาพยนตร์ เอชบีโอเคยฝากผลงานเอฟเฟคตระการตาอย่างGame of Thronesมาแล้ว จึงพอวางใจเรื่องวิชวลเอฟเฟคได้ อีกทั้งเอชบีโอเป็นที่รู้จักกันว่าทำละครชุดที่ใส่ใจรายละเอียด มีเนื้อหาจริงจังและมีโทนมืดมน จึงพอรับประกันได้ว่า นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนโครงเรื่องให้เข้ากับยุคสมัยขึ้นแล้ว ละครชุดนี้จะไม่ลดทอนความจริงจังของเนื้อหาเพื่อให้เบาสมองเหมาะกับผู้ชมส่วนใหญ่ การที่มาฉายในช่องเอชบีโอทำให้เห็นภาพลักษณ์ได้ชัดว่านี่อาจไม่ใช่ละครที่เด็กดูได้โดยปราศจากผู้ใหญ่คอยช่วยให้คำแนะนำ แม้ตัวละครจะไม่มีการใช้คำพูดหยาบคายก็ตาม แต่ประเด็นตึงเครียดที่สื่อออกมานั้นต้องอาศัยวิจารณญาณในการรับชมข้อด้อยที่เด่นชัดสำหรับผมคือ บรรดาตัวละครเด็กมีบางจังหวะที่มีการพูดจา การกระทำ ความคิดเหมือนผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เกี่ยวกับการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ซึ่งรู้ได้จากรายละเอียดของโลกแฟนตาซีนี้ ที่เหล่าภูติสัตว์ของเด็กๆ จะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นสัตว์อะไรก็ได้ดั่งใจนึก ในระหว่างที่ภูติของผู้ใหญ่คงอยู่เพียงร่างเดียว เปรียบเสมือนไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ก็ควรให้ตัวละครเด็กแสดงออกเยี่ยงเด็กเสมอต้นเสมอปลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อเติบโตขึ้น แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าผู้แต่งต้นฉบับก็เป็นผู้ใหญ่ จะให้เขียนบทของเด็กให้สมจริงก็คงยาก และทีมงานผลิตฉบับละครชุดนี้ก็อยากให้มันเคารพต้นฉบับมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ณ ขณะนี้ ละครชุดนี้ได้ฉายไปทั้งหมดแปดตอน จบภาคแรกเป็นที่เรียบร้อย และคะแนนความนิยมก็ไปได้สวย 81% บนrottentomatoes.com และ8.0/10.0 บนimdb.com หากใครยังไม่ได้ชมละครชุดHis Dark Materialsนี้ ผมขอแนะนำให้ผู้ที่สนใจละครแนวแฟนตาซีที่แฝงด้วยประเด็นชวนขบคิดให้ลองดูเรื่องนี้ รับชมย้อนหลังได้ทางแอปพลิเคชั่นHBO GO