หากถามว่าจากผลงานนวนิยายทั้งหมดของ แก้วเก้า นางเอกจากนวนิยายเรื่องไหนมีความซับซ้อนของตัวละครมากที่สุด เชื่อแน่ว่าคอนวนิยายร้อยทั้งร้อยของ แก้วเก้า จะต้องนึกไปถึงตัวละครที่มีชื่อว่า อุมา จากนวนิยายเรื่อง ผ้าทอง เป็นแน่ เพราะนอกจาก อุมา จะเป็นตัวละครที่มีความขัดแย้งในตัวเองอย่างเข้มข้นแล้ว ตัวละครตัวนี้ยังเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ออกมาช่วงชิงพื้นที่ต่าง ๆ ให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทางธุรกิจ (การงาน) หรือพื้นที่ทางศิลปะ (สุนทรียะ) ผ้าทอง ของ แก้วเก้า ได้รับการตีพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 ได้รับรางวัลชมเชยประเภทนวนิยาย จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ประจำปี 2536 และได้รับการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายในการชิงรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี 2537 ผ้าทอง บอกเล่าเรื่องราวของ อุมา กับบรรดาผ้าทองแต่ละผืนที่เธอทอขึ้นเองกับมือ โดยผ้าทองแต่ละผืนของเธอมักจะนำมาซึ่งเหตุการณ์ร้าย ๆ แก่ผู้สวมใส่หรือผู้ครอบครองเสมอ จนยากที่คาดเดาว่าเหตุการณ์ร้าย ๆ เหล่านั้น เกิดขึ้นเพราะอาถรรพณ์ของผ้าทองหรือฝีมือของมนุษย์ แก้วเก้า พาผู้อ่านดำดิ่งลงไปในเรื่องราวของตัวละครที่ขนานคาบเกี่ยวกันอยู่ระหว่าง “อาถรรพณ์” และ “ความเป็นเหตุเป็นผล” อันเนื่องมาจากผ้าทอง ทั้งนี้ก็เพราะว่าผ้าทองของอุมาจะนำพามาซึ่งเรื่องราวอันเลวร้ายแก่ผู้สวมใส่หรือผู้ครอบครองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นผ้าทองสีแดงสดลายเทพนม ที่ทำให้เสด็จฯต้องสูญเสียพระนัดดาไปตลอดกาล ผ้าทองสีดำลายกระหนกผืนที่สองที่เป็นเหตุให้เสด็จฯสิ้นพระชนม์ ไปจนกระทั่งถึงผ้าสไบสีแดงลายไฟซึ่งเป็นผ้าทองผืนที่เจ็ด ที่ทำให้ ใจแก้ว ผู้ซึ่งเป็นเจ้าสาวคนใหม่ของ คำรณ ซึ่งเป็นพี่ชายของสามีอุมาเอง โดนระเบิดตอนส่งตัวเข้าหอ ทำให้ คีรี สามีของอุมาโกรธมากจนถึงขั้นขอแยกทางกับเธอ บรรดานางเอกในนวนิยายของ แก้วเก้า ทั้งหมด อาจเรียกได้ว่า อุมา เป็นนางเอกที่มีคาแรกเตอร์สุดแสนจะซับซ้อนที่สุด เพราะเธอเป็นตัวละครที่ทับซ้อนเงาคาแรกเตอร์ของนางเอกในนวนิยายหลายเรื่องที่นักอ่านทั่วไปคุ้นเคยรวมเอาไว้หลายตัวเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นกุลสตรีชาววังหัวอนุรักษ์อย่าง แม่พลอย ใน สี่แผ่นดิน แต่แล้ววันหนึ่งก็ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ขึ้นมาคุมบังเหียนแห่งวงการนักเลงอย่าง ใกล้รุ่ง ธรรมกุล หรือ อาหลิว ใน หงส์เหนือมังกร และเมื่อเธอถูก ‘ทำร้าย’ มาก ๆ เข้า เธอจึงกลายมาเป็นคนที่มีบุคลิกที่ซับซ้อน ย้อนแย้ง จนถึงขั้นเลือดเย็นอย่างตัวละคร ปัทมา ในนวนิยาย ขมิ้นกับปูน ตัวละคร มธุสร ในนวนิยาย ล่า หรือแม้กระทั่ง หม่อมชุลี ในนวนิยาย ริษยา แต่ในท้ายที่สุด นวนิยายก็คล้ายกับจะบอกเป็นนัยให้เราทราบว่าเธอยินยอมพร้อมที่จะสิ้นลมอย่างเปี่ยมบนศักดิ์ศรีและความทระนง อย่างตัวละคร หม่อมราชวงศ์กีรติ ในนวนิยาย ข้างหลังภาพ เมื่อเธอเลือกที่จะปฏิเสธความรักจาก คีรี สามีของเธอ และลงมือทอผ้าทองผืนสุดท้ายขึ้นมาเพื่อมอบให้ตัวเธอเอง แก้วเก้า สร้างความขัดแย้งให้แก่ตัวละคร อุมา ได้น่าอย่างสนใจมาก ทั้งความขัดแย้งภายในของตัวละครอุมาเอง ความขัดแย้งระหว่างตัวละครเอก และความขัดแย้งกับสถานการณ์ ตามทฤษฏีความตรงกันข้าม (Oppositional Theory) ในการสร้างเรื่องเล่า (Narrative) เรื่องหนึ่ง ๆ ขึ้นมา กล่าวคือเมื่อ อุมา เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นผู้หญิงที่รักในศิลปะ มีความนุ่มนวล อ่อนไหว ภายใต้กรอบพื้นที่งานฝีมือชั้นสูงภายในวัง แต่เพียงไม่นานสถานการณ์บางอย่างก็ทำให้เธอจำต้องออกมาจากกรอบพื้นที่ ‘Save Zone’ สีขาวนั้น มาสู่กรอบพื้นที่ของการทำงาน ในวงการธุรกิจสีเทาของผู้ชาย เธอจึงต้องเปลี่ยนตัวเองอย่างสุดขั้วเพื่อยึดแย่งเอากรอบพื้นที่เหล่านั้นมาเป็นของเธอให้ได้ ซึ่งเธอก็สามารถทำมันได้จนสำเร็จเสียด้วย แต่เมื่อเธอฝ่าความขัดแย้งในความตรงกันข้ามนั้นมาได้แล้ว เธอก็ต้องมาเผชิญหน้ากับความขัดแย้งในทางตรงกันข้ามอีกครั้งหนึ่งในพื้นที่ของความรัก นั่นก็คือความขัดแย้งระหว่างเธอกับ คีรี ผู้เป็นสามีของเธอเอง อุมา พบความรักครั้งแรกตั้งแต่ที่เธอยังเป็นข้าหลวงอยู่ในวัง กับหนุ่มนักเรียนนอกที่มีชื่อว่า ศิวนาถ แต่ในขณะที่อุมาเป็นผู้หญิงที่รักษาสมบัติความเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมทุกกระเบียดนิ้ว เธอกลับพบว่า ศิวนาถ ผู้ชายที่เธอมอบความรักให้นั้นช่างมีคุณสมบัติที่ห่างไกลจากคำว่าสุภาพบุรุษ อุมา ได้เจอกับความรักครั้งที่สองกับ คีรี หลังจากที่เธอได้ออกจากวังเพื่อมาสานต่อธุรกิจสีเทาของครอบครัว ในขณะที่เธอขึ้นมาอยู่บนตำแหน่งเจ้าแม่มาเฟียมีหน้ามีตา ผู้ทำงานอยู่ในวงการอบายมุข คีรี กลับเป็นข้าราชการ ‘บ้านนอก’ – ‘กิริยามรรยาทแบบชาวบ้าน’ ที่ “ไม่ชอบวงการนักเลง” ความรักครั้งที่สองของอุมาจึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เธอต้องพบกับความขัดแย้งทางอัตลักษณ์ชนิดในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเป็นอาชีพ สังคม รสนิยม และทัศนคติ อุมา ไม่ได้เลือก คีรี เป็นคู่ครองด้วยเหตุผลของความรัก หากแต่เธอเลือกคีรีมาเป็นสามี ก็ด้วยหวังให้เขาเข้ามา ‘อุ้มชู’ ธุรกิจสีเทาของเธอ ด้วยเหตุผลที่ คีรี เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งเขายังเป็นน้องชายของ คำรณ เจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลอีกด้วย ดังนั้นท่ามกลางความซับซ้อนของตัวละครตัวนี้ จึงมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนเกินการตีความของผู้อ่านเลย นั่นก็คือการที่ อุมา เลือกที่จะจากไปอย่างสงบและสง่างามพร้อมกับผ้าทองของเธอเอง เพราะนั่นอาจจะเป็นหนทางเดียวที่เธอจะสามารถรักษาพื้นที่ของงานฝีมือชั้นสูงที่เธอรักให้รอดพ้นจากการรุกรานผ่านพื้นที่ธุรกิจของผู้ชาย และหลีกหนีพื้นที่ของความรักที่มาพร้อมกับความใคร่ของผู้ชายได้อย่างเด็ดขาดที่สุด ความประทับใจและความน่าสนใจของนวนิยายเรื่องนี้ น่าจะอยู่ที่ความก้ำกึ่งระหว่างความเชื่อทางจิตวิญญาณและหลักของกฎแห่งกรรมตามครรลองทางวิทยาศาสตร์ โดยมีผ้าทองแต่ละผืนของตัวละครเอกเป็นสื่อกลาง คล้าย ๆ กับเรื่องราวของ Blue Diamond คือ ยากจะอธิบายว่าเรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ นั้น เกิดขึ้นเพราะ ‘วัตถุ’ หรือ ‘ตัวบุคคล’ เป็นผู้กระทำให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อ่านสามารถนำไปตีความคิดต่อได้ในมุมมองที่หลากหลาย บทประพันธ์ ผ้าทอง ของ แก้วแก้ว ได้รับการสรรค์สร้างเป็นละครครั้งแรกในปี พ.ศ.2537 ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากแฟนละครเป็นอย่างดีเหมือนกับละครอีกหลายเรื่องที่สร้างขึ้นจากบทประพันธ์ของนักเขียนคนเดียวกันนี้ สำหรับนักอ่านผู้สนใจบทประพันธ์ต้นฉบับในรูปแบบของนวนิยาย สามารถสอบถามรายละเอียดในการตีพิมพ์รวมเล่มครั้งที่ 8 ของ ผ้าทอง ได้ทางเพจของ สำนักพิมพ์อรุณ ภาพประกอบ โดย ผู้เขียน