เมื่อวันอาทิตย์ก่อน ไปเรียนที่ธรรมศาสตร์ รังสิต เรียนเลิกเร็ว เพื่อนเลยชวนไปดูหนังสามมิติฟรี ที่วัดพระธรรมกายเข้าไปในวัด ขับรถไปที่วิหารคด หมายเลข 4 เป็นที่ตั้งของโรงหนังนี่แหละโซนโรงหนัง จอดรถไว้ แล้วเดินเข้าไปเลย เดินเข้าไปก็จะเจอหน้าตาแบบนี้ ที่โล่งกว้างมาก เดินเข้าไปอีกก็จะมีที่นั่งรอ และเปิดจอบอกวิธีการ ข้อควรปฏิบัติในโรงหนังตอนนี้คนลุกไปต่อแถว เตรียมตัวเข้าโรงกันแล้วค่าจะมีจุดแจกถุงใส่รองเท้า หยอบกันคนละถุงนะแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปเลย (บันไดสูงมากอยู่อ่ะ แต่เขาประกาศว่าถ้าผู้สูงอายุ หรือ wheel chair มา ก็มีลิฟท์ให้ขึ้น)ขึ้นบันไดไปชั้น 2 แล้ว ก่อนเข้าโรงเขามีแว่น 3 มิติแจก และขอให้ถอดรองเท้าเก็บใส่ถุง ถือติดตัวไปเข้ามาที่โถง ก่อนเข้าโรง ก็เป็นที่ถ่ายรูปเยอะเลย สีเรืองแสงด้วย ห้องแอร์ด้วยนะ เย็นสบายย เดินถ่ายรูปได้เต็มที่ถ่ายรูปเล่นแป๊บเดียว โรงก็เปิดละ วันที่เราไป 13 ต.ค. ฉาย 2 เรื่อง พระปิณโฑลภารทวาชเถระ และ พระอุรุเวลากัสสปะ ซึ่งเป็นพระอรหันต์เอตทัคคะในสมัยพุทธกาล คือ เป็นพระอรหันต์ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งให้เป็นเลิศในด้านต่างๆสำหรับพระอุรุเวลกัสสปะ ทุกคนคงรู้จักกันดี เป็นพี่โตสุดของชฎิล 3 พี่น้อง เป็นผู้เลิศด้านมีบริวารมากแต่พระปิณโฑลภารทวาชเถระ หลายคนอาจเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก ท่านเป็นผู้เลิศด้านบันลือสีหนาท เป็นภิกษุที่แสดงฤทธิ์ เหาะไปเอาบาตรกลางอากาศเพื่อแก้มิจฉาทิฏฐิของเศรษฐีที่ไม่เชื่อว่าพระอรหันต์มีจริง และเหตุการณ์นั้นก็เป็นต้นบัญญัติที่ทำให้พระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ให้แสดงฤทธิ์เราเองเคยอ่านเรื่องราวของทั้ง 2 ท่านในหนังสือ สมัยที่เรายังอยู่มัธยม ของพระอุรุเวลกัสสปะ ก็อ่านได้ทั้งเรื่อง แล้วก็จำได้อยู่นะ ส่วนของพระปิณโฑลภารทวาชะนี่จำชื่อไม่ได้เลย จำได้แค่เหตุการณ์ว่าเคยมีพระอรหันต์เหาะไปเอาบาตรแต่พอมาดูเวอร์ชันที่สร้างเป็นหนังสั้นแล้วนี่ มันได้ข้อคิดต่างกันมากภาพจาก : https://www.facebook.com/BuddhistHistory/posts/295757207423766/พระปิณโฑลภารทวาชเถระ เป็นนักบวชศาสนาอื่นมาก่อน เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาเพียงเพราะหวังอยู่ในใจว่าจะมีอาหารอร่อยๆ ดีๆ กินในทุกๆ วัน ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ห้ามบวช กลับให้โอกาส แรกๆ ท่านก็ก่อความไม่สงบในใจของเพื่อนพระด้วยกันพอสมควรเลย เจอกันแค่ตอนฉัน แต่ไม่คิดช่วยงาน ไม่กวาดวัด ไม่บำเพ็ญเพียรใดๆ เอาแต่กินกับนอนจริงๆ จนเพื่อนพระด้วยกันทนไม่ไหว ต้องเอาไปกราบทูลพระพุทธเจ้า แต่เพราะท่านได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมของนักบวช ได้เห็นตัวอย่างดีๆ ของเพื่อน เพียงพระพุทธเจ้ามาเตือนแค่ไม่กี่ประโยค ท่านก็ได้คิด และกลับตัวกลับใจมาฝึกตนเอง ประมาณในอาหาร ช่วยเหลือกิจการต่างๆ ของสงฆ์ และไม่ลืมที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อตนเอง ในที่สุดท่านก็ได้บรรลุอรหันต์ ได้ช่วยแก้ความเห็นผิดให้เศรษฐี และยังได้รับการยกย่องเป็นเอตทัคคะด้วย....เรื่องนี้ทำให้เราได้ข้อคิดว่า เราไม่ควรตัดสินใคร และควรให้โอกาสผู้คน เปิดใจกว้างยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็น ขอบคุณภาพจาก http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=11087.0 ส่วนเรื่องพระอุรุเวลกัสสปะ เราได้ข้อคิดเรื่อง การถือตัว มีทิฐิมานะ เป็นสิ่งไม่ดีเลย เพราะมันจะปิดบังปัญญา แม้ของดีอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่ยอมรับ ไม่ได้ประโยชน์จากของดีนั้น เพียงเพราะคิดว่าตนเหนือกว่าดู 2 เรื่องประมาณ 40 นาที ไม่นานเลย ฟรี และยังได้ข้อคิดดีๆ อีกต่างหากแม้ตัวคนจะยังไม่สวย ไม่เนี้ยบ ยังดูเป็นแบบร่างๆ อยู่ เห็นว่าใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนทำเป็นสิบเรื่องเลย แต่ฉาก สัตว์ องค์ประกอบต่างๆ นี่สวยมากเลยชอบ sound ชอบบท ที่สั้น กระชับ ได้อารมณ์ และเอาเนื้อหาของบุคคลต้นแบบ ที่มันเคยอยู่แต่ในหนังสือที่ดูน่าเบื่อ ออกมาทำให้สนุก น่าติดตาม และยังสะท้อนคิดให้ตนเองเอาไปใช้ เอาไปปปรับปรุงตัวได้อีกด้วย ใครสนใจอยากมาดู สามารถดูตารางฉาย จองตั๋วออนไลน์ และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE: http://bit.ly/dhamma3dหรือจะลองดู Trailer ของหนังชุดนี้ก่อนก็ได้ ที่ https://www.youtube.com/watch?v=WNV8BJpAuUs ขอบคุณภาพปกจาก : https://www.dailygizmo.tv/2011/07/06/%E0%B9%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87-3-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4/