อื่นๆ
อาถรรพณ์เบี้ยแก้เขมร

ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่วุฒิแกเป็นสายบุญแต่ไม่ใช่สายมูเตลู นอกจากรอยสักอักขระโบราณแปลก ๆ บนแขนซ้าย ที่แกเคยเล่าว่าไปสักตามเพื่อนที่สำนักสักยันต์แห่งหนึ่งตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้ว ก็ไม่เห็นว่าแกจะเชื่อถือเรื่องคาถาอาคมหรือพกพาเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคลอะไรอีก
แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง แกไปรู้จักหลวงพ่อพระเกจิรูปหนึ่งที่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์อำเภอข้างเคียง ซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหาของท่านจัดทำ Facebook fanpage นำเสนอประวัติ วัตรปฏิบัติ รวมถึงวัตถุมงคลที่ท่านสร้าง นัยว่าเป็นการเผยแพร่บารมีหลวงพ่อรูปนั้น
โดยตามข้อมูลที่ปรากฎ หลวงพ่อมีภูมิลำเนาและอุปสมบทแถวภาคอีสานตอนล่าง ไม่ไกลจากชายแดนไทย - กัมพูชา ก่อนจะจาริกข้ามจังหวัดและภูมิภาค มาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว และดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในพระเกจิสายเขมรที่มีอยู่ไม่มากนักในพื้นที่นัั้น
Advertisement
Advertisement
พี่วุฒิแกสนใจปฏิปทาของหลวงพ่อรูปนั้นขึ้นมาอย่างน่าพิศวง ถึงขนาดขับรถข้ามอำเภอเป็นระยะทางนับร้อยกิโลเมตรไปยังสำนักสงฆ์ดังกล่าว เพื่อพบเจอตัวจริงของหลวงพ่อ ทั้งที่เส้นทางไปสำนักสงฆ์นั้นทั้งไกล หนทางซับซ้อน และยังค่อนข้างทุรกันดาร
ความน่าพิศวงอีกประการหนึ่งเมื่อพี่วุฒิไปถึง คือ เหมือนว่าหลวงพ่อท่านจะรู้ล่วงหน้าถึงการมาของพี่วุฒิ ทั้งที่ไม่เคยติดต่อนัดหมายไว้ก่อน ท่านทักทายโอภาปราศรัยเสมือนว่ารู้จักพี่วุฒิมานาน และก่อนกลับ ท่านได้มอบเครื่องรางของขลังให้พี่วุฒิ เป็นเบี้ยแก้ตัวใหญ่ ที่ท่านบอกว่าสร้างขึ้นตามตำราเขมร อันได้ชื่อว่ามีพลังแรง โดยท่านกำชับให้พี่วุฒิพกติดตัวหรือเก็บไว้ไม่ให้ห่างตัว
กลับมาถึงบ้าน ด้วยความที่พี่วุฒิแกไม่ใช่สายพกเครื่องรางของขลังอย่างที่บอก ประกอบกับขนาดของเบี้ยแก้ตัวนั้นค่อนข้างใหญ่กว่าเบี้ยแก้ทั่วไป ทำให้ไม่สะดวกกับการพกพา แกจึงไม่ได้พกเบี้ยแก้นั้นติดตัว แต่ก็ได้วางไว้ใกล้ตัวตามที่หลวงพ่อบอก โดยวางไว้บนโต๊ะโคมไฟข้างเตียงนอนของแก
Advertisement
Advertisement
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดเรื่องราวแปลก ๆ ขึ้นกับพี่วุฒิ ในระหว่างนอนหลับ แกรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ ทั้งที่ตอนกลางวันแกก็ยังมีอาการเป็นปกติ ยิ่งไปกว่านั้น บางคืนแกฝันแปลก ๆ เห็นแม่น้ำกว้างใหญ่ที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว และมีบางสิ่งกระชากแขนแกลงไปในน้ำ ดำผุดดำว่ายอยู่จนเหนื่อยเพื่อเอาตัวรอดจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
เช้าวันนั้นเมื่อตื่นขึ้นมา พี่วุติสังเกตเห็นรอยช้ำบนแขนซ้ายเหนือรอยสักของตน มีลักษณะเป็นรอยหยักถี่ ๆ เป็นวงรีเรียวยาว เหมือนรอยฟันของสัตว์บางชนิด ตอนแรกก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา แขนข้างนั้นก็มีอาการบวมแดง เส้นเอ็นปูดโปนขึ้นมาอย่างชัดเจน ทีแรกพี่วุฒิคิดว่าแกคงไปโดนแมลงหรือตัวอะไรกัดต่อยโดยไม่ทันระวังและไม่รู้ตัว แต่ก็ยังชะล่าใจไม่ไปหาหมอ จนเมื่ออาการบวมแดงและเส้นเอ็นปูดโปนนั้นลุกลามหนักขึ้นเรื่อยๆ แกจึงไปให้หมอตรวจ ซึ่งก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ และหมอก็ยังไม่อาจวินิจฉัยได้ว่า อาการดังกล่าวเกิดจากอะไร
Advertisement
Advertisement
จู่ๆ พี่วุฒิก็เกิดเอะใจขึ้นมาว่า รอยปริศนาบนแขนซ้ายซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการประหลาดที่เกิดขึ้น เป็นรอยที่มีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับปากเบี้ยแก้ที่หลวงพ่อให้มา แกถึงกับขนลุกซู่เมื่อจินตนาการไปว่า เบี้ยแก้ตัวนั้นอาจมีชีวิต และรอยประหลาดบนแขนของเขาอาจเป็นรอยฟันของเบี้ยแก้ตัวนั้น แกจึงรีบหยิบมันออกไปเก็บใส่ลิ้นชักโต๊ะข้างนอกห้องนอน ใส่กุญแจล็อคไว้อย่างแน่นหนา เหมือนขังสัตว์ดุร้ายไว้เพื่อรอเอาไปปล่อยทิ้ง
คืนนั้น พี่วุฒิรู้สึกปวดแขนซ้ายที่บวมแดงนั้นมากขึ้นกว่าทุกวัน และเส้นเอ็นที่ปูดโปนนั้นก็เหมือนจะขยายขนาดขึ้นราวกับจะปริแตกออก ซ้ำร้ายยังรู้สึกคันยุบยิบเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ข้างในเส้นเอ็นนั้น ในขณะที่หูก็แว่วได้ยินเสียงเขย่าลิ้นชักโต๊ะตัวที่เขาเก็บเบี้ยแก้ไว้ ด้วยอาการต่างๆ ทั้งทางกายและอารมณ์หวาดผวา ทำให้พี่วุฒิตัดสินใจขับรถออกจากบ้านกลางดึก ไปยังโรงพยาบาลในตัวเมืองเพื่อตรวจอาการที่แขน หมอตัดสินใจผ่าตัดด่วนเพราะเห็นว่าอาการหนักมาก แล้วสิ่งที่ทำให้ทั้งหมอและพยาบาลเกิดอาการขนพองสยองเกล้าไปตามๆกัน คือ เมื่อผ่าตัดแขนที่บวมแดงนั้นแล้วพบว่า สิ่งที่คิดว่าเป็นเส้นเอ็ดปูนโปนขึ้นมานั้น แท้จริงคือซากปลาไหลตัวเล็ก ยาว ที่ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วห้องผ่าตัด...
พี่วุฒิใช้เวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดไม่นานนัก เขาไม่มีอาการผิดปกติใดๆเกิดขึ้นอีก แต่รอยสักอักขระโบราณบนแขนซ้ายจางหายไปอย่างน่าประหลาด ซึ่งต่อมาพี่วุฒิได้รับคำบอกเล่าจากเพื่อนที่เป็นคนชวนเขาไปสักยันต์ดังกล่าวเมื่อหลายปีก่อน ว่าปัจจุบันสำนักสักยันต์ดังกล่าวถูกปิดไปแล้ว เจ้าสำนักหนีหายไปไม่รู้ชะตากรรม มีเสียงเล่าลือว่า แท้จริงแล้วเจ้าสำนักเป็นหมอผีที่คลั่งไคล้ลัทธิมนต์ดำ มักจะทดลองอาคมของตน โดยเล่นของใส่ลูกค้าที่ไปสักยันต์ผ่านทางรอยสัก แล้วฝังของอาคมของตนลงในร่างกายของผู้ที่ตนสักให้ เพื่อนของผุ้วุฒิเองก็เพิ่งได้รับการแนะนำให้ไปกราบพระเกจิรูปหนึ่งที่สำนักสงฆ์ในอำเภอข้างเคียงเพื่อถอนอาคมและมนต์ดำที่แฝงอยู่กับรอยสัก โดยหลวงพ่อรูปนั้นได้ให้วัตถุมงคลแก่เพื่อนของพี่วุฒิ มาเพื่อรักษาตัวและป้องกันมนต์ดำ
เมื่อพี่วุฒิขอดูวัตถุมงคลนั้นก็ถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อพบว่า มันคือเบี้ยแก้ที่มีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับเบี้ยแก้ตำราเขมรที่เขาได้รับจากหลวงพ่อนั่นเอง...
ขอบคุณต้นฉบับภาพประกอบจาก Pixabay.com โดย Stux
ความคิดเห็น
