ในยุคสมัยนี้สิ่งที่เรียกว่าแฟชั่นก็จะเป็นเสื้อผ้า การแต่งกาย การแต่งหน้า และเทคโนโลยีสื่อสารชนิดต่าง ๆ แต่สมัยก่อนในยุคที่คุณย่า คุณยาย และคุณทวดยังเป็นวันรุ่นกันนั้น จะมีสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นแฟชั่นของยุคนั้นที่ฮิตมาก ๆ ถ้าใครไม่ทำก็อาจจะเชยได้ ซึ่งก็คือ “การเคี้ยวหมาก” นั่นเอง โดยการเคี้ยวหมากของคนสมัยก่อนนั้น ไม่ได้เป็นที่นิยมเฉพาะในกลุ่มสาว ๆ เท่านั้น แต่หนุ่ม ๆ ก็เคี้ยวหมากด้วยเช่นกัน ขออนุญาตออกตัวก่อนว่าเราเป็นคนเพชรบูรณ์ และคุณย่าของเราที่บ้านก็ยังเคี้ยวหมากอยู่ ซึ่งเคี้ยวหมากมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นสาวน้อย เราก็เลยถามว่าทำไมถึงต้องเคี้ยวหมาก “คุณย่าก็บอกว่าที่เคี้ยวหมากกันนั้น ก็มีความเชื่อว่าจะทำให้ดูสวยขึ้น หรือบางคนก็บอกว่าเพื่อให้ฟันขาวสะอาด” โดยการเคี้ยวหมากใน 1 คำนั้น ก็จะส่วนประกอบมากมายทั้ง ใบพลูสด ๆ ปูนแดง ลูกหมากฝาดเป็นแผ่นบาง ๆ ตากแห้ง และอีกอย่างหนึ่งที่คนเคี้ยวหมากบางที่ไม่ค่อยใส่กัน แต่ที่นี่ใส่ก็คือ “ยาเส้นหั่น หรือ ยาสูบ” ค่ะ แต่ในที่นี้ไม่ใช้ยาสูบที่ไว้ห่อกับกระดาษแล้วสูบนะค่ะ เพราะของที่นี่ ถือว่าเป็นยาชนิดหนึ่ง ซึ่งคุณย่าก็จะทำเอง เป็นยาเส้น Handmade นั่นเอง ซึ่งในวันนี้เราก็จะมาเล่าให้ฟังถึงกระบวนการทำยาเส้นหั่น ที่เป็นวิถีดั้งเดิมของชาวบ้านกันจ้า เริ่มแรกจะเล่าให้ฟังว่าเพชรบูรณ์ เป็นจังหวัดที่มีการปลูกต้นยาสูบมากที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ มีศูนย์พัฒนาใบยาสูบ และมีสถานีโรงรับซื้อใบยาสูบอย่างถูกต้อง แต่ใบยาสูบที่จะนำมาทำก็เป็นชนิดเดียวกันกับที่นำไปทำยาสูบซอง แต่ที่จะนำมาใช้นั้นเป็นส่วนใบที่อยู่ตรงส่วนบนของต้น เมื่อเก็บใบยาสูบจนเกือบหมดต้นแล้ว ก็จะเหลือตรงส่วนยอดไว้ และเราก็จะเก็บมาแล้วฉีกเอาเฉพาะส่วนใบ ไม่เอาก้านยาสูบ จากนั้นก็จะนำมาซ้อนกันหลาย ๆ ใบ ม้วนให้เข้ากัน แล้วใช้มีดหั่นให้เป็นฝอย ๆ พยายามหั่นให้เท่ากัน และบางได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี เมื่อได้ปริมาณที่มากพอแล้ว ก็จะนำมาวางเรียงใส่ในกระด้ง โดยจะแผ่ใบยาที่หั่นฝอยไว้ให้กระจายตัวเท่ากัน แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท ประมาณ 7 – 10 วัน เมื่อยาเส้นแห้งสนิทแล้ว ก็จะนำไปเก็บใส่ถุงไว้ใช้ได้ตลอดทั้งปี ฤดูกาลที่ทำยาเส้นกันนั้น จะเป็นช่วงปลายเดือนเมษายนของทุกปี และถ้าบ้านไหนทำไว้เยอะก็จะมีคนรับซื้อด้วย แต่บางบ้านก็ทำไว้แค่พอใช้ในการเคี้ยวหมากเท่านั้นค่ะ ยาเส้นหั่นที่ทำเสร็จแล้ว ก็จะนำมาใส่ในคำหมาก เพื่อเพิ่มรสชาติและอรรถรสในการเคี้ยวหมากให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังนำมาสีฟันเพื่อทำความสะอาดฟันอีกด้วย ถึงแม้ว่าการเคี้ยวหมากในปัจจุบันจะหายไปแล้ว โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ แต่ก็ยังโชคดีที่ยังพอมีให้ได้เห็นกัน เพื่อที่จะให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสรู้จักกับวิถีชีวิตดั้งเดิมที่มีเสน่ห์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ ที่น่าสนใจภาพประกอบ : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน