สวัสดีค่ะ วันนี้ผู้เขียนขอเสนอแลนด์มาร์คถ่ายภาพที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า จ.เพชรบูรณ์ เป็นเมืองท่องเที่ยว และได้ฉายาว่า สวรรค์บนดิน เนื่องจาก จ.เพชรบูรณ์ มีทะเลหมอก ซึ่งจะเกิดหนาแน่นหลังฝนตก ดังนั้นหากใครต้องการไปดูทะเลหมอก แนะนำให้ไปฤดูฝน ฝนที่นี่จะตกไม่แรงมากนัก แต่จะตกบ่อย ๆ เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เกษตรกรที่นี่ (น่าจะเป็นชาวม้ง) นิยมปลูกพืชเมืองหนาว เช่น สตรอว์เบอร์รี และหากเป็นช่วงฤดูฝน เกษตรกรมักปลูกต้นกะหล่ำ หากขึ้นดอยมาที่ภูทับเบิก ผ่านโค้ง 111 โค้ง จะพบกับไร่กะหล่ำเป็นสีเขียวบนภูเขา (ผู้เขียนไปเดือน พ.ค. 63) หากมาช่วงอื่นอาจตรงกับการไถกลบดิน จะไม่พบไร่กะหล่ำ กะหล่ำที่นี่มีแต่คนชมว่ารสชาติหวาน และที่สำคัญเมื่อมองไปใกล้ ๆ จะเห็นว่าต้นกะหล่ำแทบไม่มีหนอนเจาะเลย ซึ่งหมายความว่าแม้ไร่กะหล่ำที่นี่จะสวยงาม แต่อาจจะงามจากการใช้ยาฆ่าแมลง ดังนั้นผู้รับประทาน เมื่อจะนำมารับประทานควรล้างให้สะอาด จุดชมไร่กะหล่ำมีหลายจุด แต่จุดที่แนะนำคือจุดที่อยู่หน้าโฮมสเตย์ก่อนถึงทะเลหมอก เพราะจะทองเห็นเป็นเนินสีเขียวสวยมาก ๆ หากถามว่าไร่กะหล่ำที่นี่น่าเที่ยวกว่าที่อื่นอย่างไร แน่นอน ไร่กะหล่ำที่นี่มักถูกห่มไปด้วยทะเลหมอก ภาพที่นักท่องเที่ยวเห็นจะเห็นเป็นสีเขียวของไร่กะหล่ำ และสีขาวของหมอกที่ปกคลุมเคลื่อนตัวไปมาบนภูเขา หากไปช่วงที่พบพระอาทิตย์กำลังทอแสงอ่อน ๆ ขอบอกว่าสวยมาก ๆ ข้อแนะนำในการเดินทางคือ 1. หากไปช่วง พ.ค. 63 ยังมีหลายร้านยังไม่เปิดให้บริการเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ดังนั้นควรเช็คข้อมูลเรื่องที่พักและอาหารให้ดี 2. โค้งทางขึ้นภูเขานั้นชันและโค้งมาก ดังนั้นหากต้องการความปลอดภัยแนะนำให้ขึ้นรถนำเที่ยวขึ้นที่ 7-11 ภูทับเบิก ราคาไม่แพง และพาเราเที่ยวจุดต่าง ๆ ทั้งวัน โดยสามารถติดต่อได้ที่ 098-7707894 และ 092-4985809 (พี่คนขับใจดี คิดราคาถูก คุ้มค่า นิ่มสบาย) 3. หากต้องการถ่ายภาพที่มีพระอาทิตย์ที่นี่ตอนที่ผู้เขียนไป พบประมาณ 6.00 น. และไร่กะหล่ำสามารถเข้าถ่ายได้ตลอดค่ะไม่มีเปิดปิด แต่ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะนิยมไปช่วงเช้า 4. การไปถ่ายภาพที่ไร่กะหล่ำ ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถเข้าไปถ่ายได้เลย ส่วนราคาขายส่งกะหล่ำอยู่ที่กิโลกรัมละ 4-20 บาทค่ะ ภาพปก:จิรภรณ์ ยะคำแจ้ ภาพบทความ: จิรภรณ์ ยะคำแจ้