เปิด “ประสบการณ์” และ “มุมมองใหม่” สัมผัสกับเรื่องราวสุดแสน “มหัศจรรย์” แห่งความเป็น “มงคล” ทั้งหลายทั้งปวงบนโลกใบนี้ ย้อนเวลาหา “อดีต” ดื่มด่ำกับ “อารยธรรม” ทั้งจากซีกโลก “ตะวันออก” และ “ตะวันตก” ขอเชิญทุกท่านร่วมออกเดินทางตะลุย “แดนมงคล” ไปพร้อมๆกันกับผม “นายอินเดียน่า เจมส์” ได้แล้ว ณ บัดนี้ “สวัสดีครับ ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ใกล้สิ้นปี ซึ่งหลายท่านก็คงวางแผนปักหมุดเช็คอินเพื่อที่จะไปพักผ่อนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพื้นที่ยอดนิยมที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมไปกัน เห็นทีจะไม่พ้นภาคเหนือของไทย เพราะความหนาวเย็นได้เข้าครอบคลุมเต็มพื้นที่โดยเฉพาะเขตภูเขาม่อนดอยต่างๆ” “และวันนี้กระผม “นายอินเดียน่า เจมส์” ก็มีสถานที่แห่งหนึ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและอยากสัมผัสความหนาวเย็นมาแนะนำกัน นั่นก็คือ “อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว” เขตจังหวัดเพชรบูรณ์” “อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จัดเป็นหนึ่งในอุทยานที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันหลากหลาย และมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาก็คือ "ถ้ำใหญ่น้ำหนาว" หรือ "ถ้ำน้ำริน" นั่นเอง “ถ้ำใหญ่น้ำหนาว” นอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแล้ว ยังถือว่าเป็นแดนมงคลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เป็นอย่างไร ติดตามกันได้เลยครับ” #ตะลุยแดนมงคล ตอน...ถ้ำใหญ่น้ำหนาว ตำนานพญานาคแห่งเพชรบูรณ์ “ถ้ำแห่งนี้ มีตำนานเกี่ยวกับพญานาคเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ในอดีตก่อนที่จะมีบ้านห้วยลาด บริเวณนี้มีหมู่บ้านเก่าแก่อยู่หมู่บ้านหนึ่ง ชาวหมู่บ้านนี้มีความศรัทธายิ่งในพระพุทธศาสนา เมื่อถึงเดือนหกของทุกปีจะมีการทำบุญใหญ่ สมัยนั้นมีความเชื่อกันว่า บริเวณถ้ำใหญ่มีทางเดินที่สามารถเข้าสู่เมืองบาดาลได้ ทุกๆปีพญานาคและบริวารจะแปลงกายเป็นมนุษย์ทั้งชายหญิง และแต่งกายอย่างงดงาม โดยทุกตนจะถือ “ขันทองคำ” ใส่อาหารมาร่วมทำบุญเดือนหกกับชาวบ้านที่วัดบ้านธาตุ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของถ้ำใหญ่ไปประมาณ 500 เมตร” “แต่มาปีหนึ่ง หลังการบุญเสร็จสิ้นปรากฏว่า “ขันทองคำ” ของพญานาคได้หายไปหนึ่งใบ พญานาคและบริวารต่างพากันออกค้นหา และสอบถามจากพระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้าน แต่ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือนำขันทองคำไป ซึ่งตามตำนานระบุว่าความจริงแล้วมีสามเณรรูปหนึ่งเป็นผู้ขโมยขันทองคำไป” “เมื่อพญานาคและบริวารไม่สามารถหา “ขันทองคำ” ได้ จึงโกรธและประกาศจะไม่มาทำบุญร่วมกับชาวบ้านตลอดไป พร้อมกับแปลงร่างจากมนุษย์กลายเป็นพญานาคพากันเลื้อยหายเข้าไปในถ้ำใหญ่เกิดเป็นเสียงก้องกัมปนาทและพื้นพสุธาสนั่นหวั่นไหว ทำให้พระสงฆ์ สามเณร และชาวบ้านต่างพากันวิ่งหนี แต่แผ่นดินที่ตั้งของวัดบ้านธาตุและบริเวณใกล้เคียงได้ดูดกลืนผู้คน ทั้งพระสงฆ์ สามเณร พร้อมทั้งชาวบ้านอีก 50 ครัวเรือนหายไป ส่วนสามเณรผู้ที่ขโมยขันทองคำ ได้วิ่งหนีอย่างสุดชีวิตไปทางหน้าถ้ำเพื่อที่จะขึ้นไปที่ถ้ำใหญ่ เมื่อก้าวได้ประมาณ 7-8 ก้าว ปรากฏว่าแผ่นดินได้ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว เป็นหลุมลึกมากซึ่งต่อมาจึงเรียกหลุมหรืออุโมงค์นี้ว่า "หลุมเณร" หรือ "หลุมหิน" มาจนถึงปัจจุบัน” “และนั่นก็คือตำนานของถ้ำใหญ่ที่เล่าขานสืบต่อกันมา จนเกิดเป็นประเพณีท้องถิ่นขึ้น นั่นก็คือ “งานบุญบั้งไฟ” เพื่อบูชา “เจ้าพ่อถ้ำใหญ่” ซึ่งจัดขึ้นในเดือนแปดของทุกๆปี เป็นการบวงสรวงขอให้ “เจ้าพ่อถ้ำใหญ่” ช่วยคุ้มครองปกปักษ์รักษา และให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีงานเลี้ยงประจำปี "เจ้าพ่อถ้ำใหญ่" ที่จัดขึ้นในเดือนหกของทุกๆปี “เจ้าพ่อถ้ำใหญ่” ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งถ้ำใหญ่น้ำหนาวที่ชาวบ้านละแวกนั้นต่างเคารพศรัทธา เพราะเชื่อกันว่า “เจ้าพ่อถ้ำใหญ่” ก็คือ “พญานาค” นั่นเอง” “นอกจากตำนานเกี่ยวกับพญานาคแล้ว ภายในถ้ำใหญ่น้ำหนาวยังเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยมากมาย อีกทั้งภายในถ้ำยังมีลำธารธรรมชาติที่มีน้ำใสเย็นจัดตลอดทั้งปี ไหลออกมาจากปากถ้ำโดยไม่เคยเหือดแห้ง นอกจากนี้ยังมีถ้ำย่อยแยกออกไปเป็นจำนวนมาก แบ่งเป็น 3 ช่วงด้วยกัน ช่วงแรกระยะทางประมาณ 400 เมตร มีทางเดินเท้าไปตามคูหาต่างๆ ซึ่งมีหินงอกหินย้อยให้ชม โดยจะไปสิ้นสุดที่คูหาซึ่งมีม่านหินอันงดงาม ช่วงที่ 2 จากระยะทาง 400-1,000 เมตร ภายในถ้ำมีหินเป็นก้อนเหมือนเศษหินที่ร่วงลงมาจากถ้ำแต่ก็ไม่พบที่มาแต่อย่างใด ส่วนช่วงที่ 3 มีระยะทางจาก 1,000 เมตร เข้าไป ภายในจะมีลำธารน้ำรินไหล ถ้ำมีความลึกประมาณ 4.5 กิโลเมตร มีไฟติดไว้ตลอดทางทำให้สะดวกในการชมความงามภายในถ้ำ ซึ่ง “ถ้ำใหญ่น้ำหนาว” ถือเป็นถ้ำหินปูนที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย” “เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ “ถ้ำใหญ่น้ำหนาว” น่าสนใจมากเลยใช่มั๊ยครับ เอาเป็นว่าหนาวนี้ ถ้าใครมีโอกาสไปสัมผัสความหนาวเย็นในเขตภาคเหนือ อย่าลืมไป “ตะลุยแดนมงคล” ที่ “ถ้ำใหญ่น้ำหนาว” กันให้ได้นะครับ” #ตะลุยแดนมงคล กับ อินเดียน่า เจมส์ ขอขอบคุณ : Thailand Tourism Directory เอื้อเฟื้อภาพ