ท่ามกลางสังคมที่วุ่นวาย สาละวนกันแต่เรื่องของตัวเอง รีบร้อน เร่งรีบ แข่งขัน ลืมมองดูรอบข้าง จนบางครั้งพาชีวิตเข้าไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่ได้คาดคิด สังคมที่ร้อนอย่างนี้ ก็ควรจะคลายร้อนลงบ้าง เพื่อให้อยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า เรามาคลายร้อนด้วยความร่มเย็นของการให้กันเถอะครับ ให้เพื่อให้ผู้อื่นสุขใจได้เผยรอยยิ้ม ให้เพื่อเพิ่มโอกาสที่เราจะมองเห็นคนอื่นบ้างผ่านการหยิบยื่นให้ ให้เพื่อสร้างโอกาสให้บางชีวิตได้เริ่มใหม่ ได้ไปต่อ วันนี้ผมขอเป็นผู้นำพาทุกท่านไปรู้จักกับอีกหนึ่งมิติของการให้ ผมจะขอเล่าถึงการบริจาคเลือด ถ้าพูดถึงการบริจาคเลือดแล้ว บางคนก็รู้สึกหวาดกลัวกับความเจ็บปวด แต่สำหรับผมที่เคยบริจาคเลือดมาหลายสิบครั้งแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก เพราะผมระลึกเสมอว่าการบริจาคเลือดของผมในแต่ละครั้ง มันเป็นการต่อชีวิตให้กับคนอื่นๆได้อีก คุณๆทุกคนก็รู้ดีนี่ครับว่าการมีชีวิตมันมีค่าแค่ไหน มีชีวิตก็คือมีความหวัง ก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างสรรค์อะไรดีๆขึ้นมาบนโลกนี้ได้ แต่ไม่ใช่ว่าคนที่ได้รับไปจะได้ฝ่ายเดียวนะครับ เราเองที่เป็นฝ่ายให้ก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน ได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเลยทีเดียว ประโยชน์ต่อผู้บริจาคเลือด 1>โดยปกติเม็ดเลือดแดงเรามีอายุราว 120 วัน พอครบแล้วร่างกายก็จะส่งไปกำจัดทิ้ง ก็คือขับถ่ายออกทางปัสสาวะและอุจจาระนั่นเองครับ การกำจัดนั้นก็เสียพลังงานเป็นธรรมดา ดังนั้นเมื่อเราบริจาคเลือด เราก็ประหยัดพลังงานช่วยร่างกายไงครับ 2>ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งตับ เพราะเราลดปริมาณธาตุเหล็กลง มีผลการวิจัยกันมาว่าปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายที่มากมีผลไปกระตุ้นให้เกิดมะเร็งตับนะครับ 3>ช่วยกระตุ้นการสร้างเลือดใหม่จากไขกระดูก เมื่อมีเลือดใหม่ ระบบไหลเวียนโลหิตก็ดี สังเกตุได้ง่ายๆจากที่ผิวพรรณเลยครับ จะเปล่งปลั่ง ใส มีน้ำมีนวล ออร่ามาเลยครับ 4>ผู้บริจาคจะได้เข็มกลัดครับ เป็นเข็มเกียรติยศเลยนะครับ เพราะหากบริจาคอย่างน้อย 36 ครั้ง จะได้รับพระราชทานเข็มนะครับ (เข็มนี้ผมไปรับพระราชทานมารอบนึงแล้วครับ ตื่นเต้น ตื้นตัน ปลื้มปริ่ม มากๆครับ) 5>ได้รับบริการทางการแพทย์ครับ อย่างแรกคือตรวจเลือดฟรีๆในทุกครั้งที่บริจาค ก็ถ้าเลือดคุณภาพไม่ดีก็ใช้ไม่ได้นี่นา5555 อย่างที่สองก็คือส่วนลดค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาล อย่างที่สาม สำหรับผู้ที่บริจาคครบร้อยครั้ง สามารถทำเรื่องขอพระราชทานเพลิงศพได้นะครับ นับเป็นเกียรติประวัติอันสูงยิ่งทีเดียว ประโยชน์ต่อผู้รับบริจาคเลือด ในส่วนนี้ขอไม่พูดมากนะครับ ผู้รับบริจาคนั้นก็จะได้รับการต่อชีวิต บางคนเป็นโรคเกี่ยวกับเลือด ต้องถ่ายเลือดรักษา บางคนเจ็บป่วยมาต้องผ่าตัด บางคนซวยจัด จับพลัดจับผลูไปโดนอุบัติเหตุ เลือดของพวกเรานี้ก็ได้ช่วยพวกเขาไว้ คุณๆรู้หรือไม่ครับว่าสภากาชาดมีความต้องการเลือดมากแค่ไหน ผมบอกให้ก็ได้ ตีแบบกลมๆเข้าใจง่ายเลยนะครับ สภากาชาดต้องการเลือดเกินกว่า 60,000 ยูนิตต่อเดือน นับว่าเป็นตัวเลขที่มากเอาการอยู่ คุณๆสามารถตามติดสถานการณ์ความต้องการเลือดของสภากาชาดได้จากเว็บไซต์ของสภากาชาดไทยตลอดเวลานะครับ สิ่งหนึ่งที่อยากฝากบอกผู้รับบริจาคเลือดทุกท่านไว้ ในฐานะของหนึ่งในผู้บริจาคเลือดก็คือ อยากให้ท่านใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท เพื่อช่วยลดการใช้เลือดจากอุบัติเหตุ อย่าลืมนะครับ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เพราะความประมาทแทบทั้งสิ้น ก็ขอฝากไว้ให้ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ เรารู้ดีกันอยู่แล้วว่าเลือดเหล่านี้ ถูกนำไปใช้เพื่อการรักษา เพื่อต่อชีวิตให้กับผู้คน เมื่อคนหายป่วย ก็จะกลับมาเป็นพลังให้สังคมและประเทศชาติในการพัฒนาสู่อนาคตที่สดใสของปวงชนชาวไทย ร่วมคืนพลังให้สังคม ร่วมกันสั่งสมความดีทุก 3 เดือนด้วยการร่วมบริจาคโลหิตนะครับ เดี๋ยวนี้มีหลายหน่วยงานจัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิตร่วมกับสภากาชาด ขอเพียงคุณเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม แล้วเดินทางไปหน่วยรับบริจาคเลือด เท่านี้เองครับ คุณก็จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่สร้างคุณประโยชน์กับสังคมด้วยการให้ การให้ที่ยิ่งใหญ่ทางหนึ่งก็คือการบริจาคเลือด เพราะ "บริจาคเลือด = ต่อชีวิต" ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.redcross.or.th › donate https://www.springnews.co.th/infographic/253570