ภูทับเบิก หลายคนรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เพราะความสวยงามและเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีสายหมอกหยอกเย้าโอบกอดให้เมืองนี้มีความชุ่มฉ่ำ หนาวเย็น และมีมนต์เสน่ห์สะกดให้ผู้คนมาเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวถือว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุดของภูทับเบิกเลยก็ว่าได้ เราเช่าเต็นท์นอนบนเนินเขาใกล้ ๆ สวนกะหล่ำปลีและไร่สตอว์เบอร์รี่เพื่อรับบรรยากาศแบบ 360 องศา ราคา 500 บาทต่อเต็นท์พร้อมชุดเครื่องนอนสำหรับ 2 ท่าน ห้องน้ำจะอยู่ด้านนอกเป็นห้องน้ำรวม ไม่มีน้ำร้อน แต่หากท่านพักแบบเป็นห้องก็จะมีห้องน้ำในตัว และมีเครื่องทำน้ำอุ่นไว้บริการ ราคาก็จะสูงขึ้นอีกนิดนึง ทุกจุดบนภูทับเบิกจะมีให้กางเต็นท์นอนแต่ต้องเสียค่าบริการ หรือหากท่านไม่ได้นำเต็นท์มาเองก็จะมีเต็นท์ของทางที่พักให้เช่าพร้อมอุปกรณ์เครื่องนอนก็จะมีราคาแพงขึ้นจากที่นำเต็นท์มาเอง แต่รับรองได้ถ้าใครกางเต็นท์นอนท่านจะสัมผัสบรรยากาศแบบฟิน ๆ มีไอหมอกรายล้มเต็นท์ของท่าน รับประกันได้ถึงความเย็นแบบสะใจเลยทีเดียว ตื่นมาตอนเช้าท่านอาจจะตกใจ เปิดเต็นท์ออกมาเมืองทั้งเมืองหายวับเข้าไปในม่านมอง ยิ่งถ้าไปเที่ยวช่วงที่ฝนตกรับรองท่านจะเจอหมอกแบบลอยเต็มภูทับเบิกจนมองไม่เห็นเมืองกันเลยทีเดียว หรือบางทีท่านก็จะเจอหมอกแบบเป็นก้อน ๆ ลอยผ่านหน้าให้สัมผัสได้เต็ม ๆ นู่นนนน หมอกกำลังลอยผ่านภูเขามาแล้ว เดี๋ยวข้างหน้าของเราก็จะถูกปกคลุมด้วยสายหมอก หายวับไปกับตาช่วงเวลานี้แหละที่เราจะแอบไปเก็บสตอว์เบอร์รี่สด ๆ กินกัน ฮ่า ๆ ท่านสามารถเดินชมไร่สตอว์เบอร์รี่หรือแปลงผักกะหล่ำปลีรอบที่พักได้แบบใกล้ชิด หากท่านที่จะมาเที่ยวภูทับเบิกแนะนำให้ท่านตรวจเช็คสภาพอากาศให้ดี เนื่องจากเส้นทางที่มาภูทับเบิกค่อนข้างหวดเสียว เป็นถนนที่มีความชันและโค้งคดเคี้ยวตลอดเส้นทาง เพราะฉะนั้นหากมีฝนตกการเดินทางก็จะยากลำบากและอันตรายด้วย ช่วงฤดูที่แนะนำให้ท่านไปเจอกับสายหมอกคือฤดูปลายฝนไปจนสิ้นสุดหน้าหนาว รับรองว่าภูทับเบิกไปครั้งเดียวไม่เคยพอแน่นอน *ทุกภาพถ่ายโดยนักเขียน