🌟 เที่ยวสวนดอกไม้รับลมหนาว เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ฟืนต่อกับเก็บสตรอว์เบอร์รี ลูกใหญ่ สด และห้ามพลาดชมไร่องุ่นครั้งแรก 😋 ชวนกันเที่ยว รอบนี้จะพาไปสัมผัสบรรยากาศลมหนาว 🥶เล็กๆ และเดินทางง่าย ที่ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ถ้าเอ่ยถึง จังหวัดเพชรบูรณ์ หลายท่านคงทราบกันดี ว่ามีที่เที่ยวที่ขึ้นชื่ออย่าง ภูทับเบิก วัดผาซ่อนแก้ว หรือจะเป็นอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และยังมีอีกที่ที่ไม่ควรพลาด คือเขาค้อ ซึ่งจะมีที่พักและที่เที่ยวเป็นอีกอารมณ์ และในปีนี้มีการเพิ่มเสน่ห์ให้น่าไปเที่ยวชมมากขี้นไปอีก หลังจากไปกางเต็นท์ฟินลมหนาวกันมาแล้ว ห้ามพลาดเด็ดขาด มา! เราไปเริ่มกันเลย !!! มาเริ่มกันที่สวนดอกไม้ เดินทางโดยใช้ถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 2196 (แคมป์สน-สะเดาะพง) ช่วงที่เดินทางไปคือ ต้นเดือนมกราคม จำนวนนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร และปีนี้คือหนาว จำนวนนักท่องเที่ยวจึงมาก ถึงแม้จะมีสถานการณ์โควิดระบาด และถึงแม้จะมีเชื้อชนิดใหม่เข้ามาเพิ่มก็ไม่สามารถหยุดนักท่องเที่ยวสวนนึ่งได้ อะ เริ่มนอกประเด็น 😁 ไปเริ่มที่แรกกันดีกว่า ขับไปตามถนนหลวงสาย 2196 ไปสักระยะ ให้สังเกตดูทางฝั่งซ้ายมือสวนแรก อยู่ที่ ร้าน "ดิบเขาค้อ" เป็นร้านกาแฟ สไตล์ญี่ปุ่น มองขึ้นไปจะเห็นเป็นทุ่งดอกไม้ สีสันสวยงาม หากขับเลยไปจะวนกลับค่อนข้างยาก (ผู้เขียนขับเลยไปหาที่กลับรถยาก ) สวนนี้มีค่าบำรุงรักษาสวนที่ 40 บาท/คน แต่สวยคุ้มค่า ทางเข้าตกแต่งด้วยซุ้มประตูสไตล์ญี่ปุ่น สีสันตัดกับทุ่งดอกไม้ มีสะพานเชือกเดินข้ามลำคลอง สูงใช้ได้เลย 😅 เมือข้ามสะพานไปแล้วจะมีดอกมากาเร็ตรอต้อนรับ ซึ่งมีสีสันไร่ระดับจากสีอ่อนไปสีเข้ม เลือกโซนถ่ายรูปได้ตามความชอบกันได้เลย ไปต่อกัน 🤗 สวนที่สอง คือ ไฮเดรนเยีย คาเฟ่เขาค้อ เป็นสวนดอกไฮเดรนเยีย ทุ่งหญ้าหลากสี และดอกมากาเร็ต ปลูกเป็นแนวไร่ระดับ สวนนี้สังเกตง่าย เพราะมีทุ่งหญ้าหลากสีสันเด่นชัดอยู่ด้านหน้า ส่วนสวนดอกไม้อยู่ด้านบนสันเขาขึ้นไปต้องขับรถเข้าไปด้านใน และยังเป็นร้านคาเฟ่นั่งรับลมเย็น ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มสักถ้วย ที่นี้ก็มีค่าบำรุงสวนเช่นเดียวกันไปกันต่อยาวๆค่ะ สวนที่สาม ทุ่งดอกไม้-ทุ่งกันหันลม นับว่าเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวชมดอกไม้หน้าหนาวเลยก็ว่าได้ เพราะที่นี้มีหลายสวนหลายสไตล์ให้เข้าชม และค่าเข้าชมเพียง 20 บาท/คน และบางสวนไม่มีค่าเข้าชม เส้นทางจะค่อนข้างสูงเล็กน้อย ขับขึ้นเขา ถ้าหากเราต้องการไปที่ ทุ่งกังหันลมเลย สามารถขับเข้าถนนที่ถัดจากไร่ BN ได้เลย มีป้ายบอก แต่ต้องสังเกตให้ดีด้วยเนื่องจากเป็น ถนน 2 แลน แต่ถ้าหากขับเลยไป ก็มีทางขึ้นไปอีก 2 ทาง แล้วจะไปชนกับทางเส้นหลักขึ้นทุ่งกังหันลมเช่นกัน ช่วงที่ไปมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ จึงมีการนับจำนวนรถที่ขึ้นไป เพราะที่จอดมีจำกัด หากกลัวว่าจะต้องรอนานไปเที่ยวชมที่นี่เป็นที่แรก แล้วขาลงมาค่อยไปเที่ยวชมที่อื่นต่อ หากยังไม่จุใจ มีค่าที่จอดรถ 30 บาท สามารถไปรอรถรางขับพาเที่ยวชมแต่ละสวน หรือเช่ารถเอทีวี ขับไปเองได้ หรือจะเลือกเดินแบบผู้เขียนก็ได้ จะได้ดูไปที่ละสวน หากใครที่เคยไปเที่ยวทุ่งกังหันลม มาก่อนจะรู้ว่าเดิมที่จะมีตลาดขายฝาก เสื้อผ้าชนเผ่า สตรอว์เบอรี และอื่นๆ มีสวนดอกไม้บ้าง และมีกิจกรรมลานแข่งรถเฟอร์รารี่ และชิงช้าเชิงเขาให้เล่น แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุง พัฒนาพื้นที่ใหม่เป็นสวนดอกไม้ ร้านกาแฟตกแต่งสวยงาม ไร่องุ่น และสวน สตรอว์เบอรีของคนพื้นที่ เก็บกันมาขายกันสดๆ เราสามารถเข้าเลือกชมและนั่งพักได้ตามอัธยาศัย มีค่าบำรุงสวนอยู่ที่คนละ 20 บาท บางสวนมีอุปกรณ์ประกอบการถ่ายรูปให้ยืมฟรี ตกแต่งพื้นที่บริเวณถ่ายรูปไว้ให้เราเลือกมุมได้ตามชอบ ซึ่งผู้เขียนชอบดอกกุหลาบเวียดนาม และสวนองุ่นที่สุด สวนดอกกุหลาบเวียดนามอยู่ที่ไร่ท้ายๆใกล้กับไร่องุ่น ที่นี้มีพร๊อพถ่ายรูปฟรี หมวก ร่ม และอื่นๆ ภายในสวนจัดแปลงดอกไม้ไว้อย่างสวยงาม มีหลายชนิดพอสมควร เดินไปเรื่อยไปจะเจอหนองน้ำมีจัดซุ้มไว้ให้ถ่ายรูป ที่แปลกใหม่สำหรับผู้เขียนคือ ดอกกุหลาบเวียดนาม คือ สวยมาก สีสันแปลกตาถัดกันไปไม่ไกลเป็นไร่องุ่นสุนารี เข้าชมฟรี ลูกดกมาก บอกเลย ฟินตาแตก ทางไร่มีผลิตภัณฑ์ไวน์ซึ่งใช้องุ่นที่ปลูกเองเป็นส่วนผสม สามารถอุดหนุนกันได้ หรือหากใครไม่ใช่นักดื่มไวน์ก็มีน้ำ สตรอว์เบอรีและน้ำผลไม้อื่นๆให้บริการเช่นเดียวกัน เอาละเมื่อถ่ายรูปแบตเตอร์รี่หมดไปหนึ่งกรุ๊บ พกแบตเตอรี่สำรองมาด้วย 😁 มาไปต่อกัน!! ที่สวน สตรอว์เบอรี ขอแนะนำสวนลุงหนั่ง ใจดีสุดๆ เป็นไร่ สตรอว์เบอรีปลูกตามไร่ลงไปตามสันเขา ลาดเอียง มีบ่อน้ำเล็กๆ ด้านล่าง สตรอว์เบอร์รีลูกใหญ่ๆ ให้เลือกเก็บตามใจชอบ กิโลละ 400 บาท (*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วง สอบถามกันอีกทีจร้า) ผู้เขียนไม่ถนัดเก็บชอบถ่ายรูป ใช้เวลาอยู่ในสวน สตรอว์เบอรีนานกว่าสวนดอกไม้ไปอีก ก็ไม่มีใครว่าอะไร หากเก็บไปฝากคนทางบ้าน หรือ เพื่อนให้เลือกเก็บลูกไม่แดงทั้งลูกเพราะมันจะซ้ำก่อนไปถึงบ้าน ถ้าจะลองรับประทานเลยต้องล้างน้ำให้สะอาดซะก่อน แต่ขอบอกนิดนึงว่า ผู้สูงอายุอาจจะเดินเก็บยากสักหน่อยเพราะทางซันพอสมควร หรือถ้าหากแข้งขายังแข็งแรงดีก็จัดเลยค่ะ ฟินมากกกกกก 🥰ช่วงเวลาที่เหมาะไปเที่ยว ช่วงกลางมกราคม ถึงต้นกุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่ สตรอว์เบอรีโตพอเก็บซึ่งชาวสวนจะไม่ใส่ปุ๋ยที่มีส่วนผสมสารเคมีแล้ว เที่ยวกันจนเหนื่อย อย่าลืมแวะหาอาหารทานก่อนกลับ เมนูแนะ คือ ผักกูด อร่อยมาก มีอาหารท้องถิ่นอื่นๆให้ได้ลิ้มลอง **สวนดอกไม้อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงฤดูกาลสอบถามและเช็คก่อนเดินทาง**ท้ายสุดเดินทางไปเที่ยวที่ไหนขอให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง และขอให้มีจิตสำนึก ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม และใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์อย่างมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม เพื่อที่เราจะได้มีที่ท่องเที่ยวสวยๆกันต่อไปเรื่อยไป ไม่ทำร้ายผู้ประกอบการ และ ชาวสวน ไม่เด็ดทำลายผลิตผลชาวสวนทิ้ง "เก็บแต่พอ"🤗 หากใครไปมาแล้วส่งรูปมาให้ผู้เขียนชมบ้างน่ะค่ะ 🙏🤟🙏รูปภาพทั้งหมดโดยผู้เขียนอัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !