จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันหยุดแรงงาน ครอบครัวชวนกันไปเที่ยวทะเลที่ชะอำตั้งแต่เช้าตรู่ พอสายๆ คนเริ่มเยอะ แดดก็เริ่มแผดเผา บวกกับกินนอนเล่นริมชายหาดจนอิ่มก็เลยอยากหาสถานที่ใกล้ๆ ไปเที่ยวต่ออีกสักหน่อยแล้วค่อยกลับ เราก็นำทัพเสิร์ชกูเกิลเจอวนอุทยานเขานางพันธุรัตพอดีเลยชวนครอบครัวไป การเดินทางมาที่นี่ใช้รถยนต์โดยเส้นทางถนนสายเลียบทะเลชะอำ-หาดเจ้าสำราญ ผ่านสะพานคลองขุดของบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผ่านถนนวัดหนองตาพดเชื่อมถนนสายนิคม (เขื่อนเพชร)-บ้านหนองตาพด ถึงสู่วนอุทยานเขานางพันธุรัตระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งที่นี่นั้นเป็นอุทยานที่ถูกตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยทรงให้อนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้ไว้เป็นมรดกของชาติเพื่อให้สืบทอดไปยังคนรุ่นหลัง หลังจากลงจากรถ ทุกคนต่างพากันเดินสำรวจพื้นที่ ด้านในอุทยานนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขา ต้นไม้สีเขียวขจี ก้อนหินน้อยใหญ่ที่ถูกจัดวางอย่างกลมกลืนไปกับธรรมชาติ มีทั้งศาลาและที่ให้นั่งเล่นอย่างร่มรื่น อากาศก็แสนบริสุทธิ์ ใครที่อยากนอนค้างคืนก็มีที่พักรองรับและร้านอาหารไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย สะดวกไปอีก ใครที่ชอบเดินเล่นชมนกชมไม้ชมเขา ถ่ายภาพสวยๆ ก็ไม่ผิดหวังแน่ มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะแยะไปหมด ซึ่งเหมาะกับสายถ่ายรูปอย่างเรามาก ส่วนใครที่เป็นสายลุยก็มีจุดให้เดินขึ้นเขาชมธรรมชาติแบบจุใจ ยังค่ะ ยังไม่หมด ส่วนที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่คือจุดชมวิวที่สอดแทรกไปด้วยความรู้ทางด้านวรรณคดีไทยเรื่องสังข์ทองอีกด้วย เดินชมธรรมชาติไปอ่านวรรณคดีไปก็เพลินดีนะคะ การเดินขึ้นเขา เราลองเดินมาแล้วใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง ลงมานี่เหงื่อชุ่มเลย กระหายน้ำมาก อย่างกับตัวเองไปวิ่งมาราธอนมายังไงยังงั้น แนะนำนะคะว่าก่อนจะเดินขึ้นเขาไปชมวิวแต่ละจุดให้ครบก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม อ่านแผนที่ อ่านข้อควรระวังให้ละเอียด ดูฟ้าฝนก่อนน๊า ถ้าฝนจะตกฟ้าครึ่มๆ งดเดินขึ้นเขานะคะ ไม่อย่างนั้นจะเกิดอันตรายได้ เพราะทางขึ้นแรกๆ เดินขึ้นง่ายไม่มีปัญหาแต่ยิ่งสูงยิ่งเดินลำบากค่ะ ควรเตรียมน้ำ ใส่เสื้อผ้า รองเท้าให้เหมาะกับการเดินป่านะคะ ครั้งที่เราไปไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย เสื้อผ้าก็เป็นตัวเดิมจากที่ไปเที่ยวทะเล แถมยังใส่รองเท้าแตะอีก จึงทำให้การเดินขึ้นลงเขาลำบากมาก แต่มาแล้วก็ต้องลุยให้สุด เหนื่อยสุดๆ แต่ก็คุ้มสุดๆ เช่นกันค่ะ วิวสวยมากเว่อร์ ก่อนเดินขึ้นเขามีป้าย “ห้ามส่งเสียงดังระวังยักษ์ได้ยิน” เหมือนตัวเองอยู่ในโลกของวรรณคดีซะแล้ว ช่องกระจกนางพันธุรัต มีป้ายอธิบายความเป็นมาทั้งจุดชมวิวและเรื่องนางพันธุรัตไว้ด้วย อีกทั้งเราสามารถลอดช่องกระจกนี้ไปได้ด้วยนะคะ ถ่ายไว้สักแชะ วิวสวยๆ แต่แดดแอบร้อนมาก อย่าลืมเตรียมหมวกมากันด้วยนะ กระจกนางพันธุรัตจะมี 2 ด้าน ภาพนี้เป็นอีกด้านที่ผ่านการลอดช่องจากรูปด้านบนมาค่ะ วิวสวยไม่แพ้กันเลย จุดตรงนี้ก็คือเมรุนางพันธุรัต ถ้าแดดไม่เปรี้ยงขนาดนี้คงจะเป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปออกมาได้สวยเลยล่ะ ระหว่างเดินทางก็จะมีป้ายบอกระยะทางของจุดชมวิวแต่ละจุดไว้ให้ด้วยค่ะ บ่อชุบตัวพระสังข์ ทางขึ้นแรกๆ ขึ้นสบายๆ ชิวๆ วิวข้างๆ ก็สบายตา มีต้นไม้น้อยใหญ่เรียงรายตามข้างทางเต็มไปหมด ทางเดินช่วงกลางมานี่เริ่มเดินลำบากมากขึ้นตามความสูงชันของเขา มีขึ้นเขาลงเขา ไม่รู้ข้ามเขาไปกี่ลูกแล้ว มาชมรูปวิวสวยๆ ระหว่างทางกันบ้างดีกว่า วิวตรงป่าไผ่สวยมาก ชอบการจัดวางเรียงกันของหิน จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สูงมาก เรามองลงไปด้านล่าง ขานี่สั่นเลย แต่วิวรอบๆ นี่เอาใจไปเลย พอเดินมาได้ครึ่งทางฟ้าเริ่มไม่เป็นใจซะแล้ว เริ่มตั้งเค้า ครึ่มๆ มาแล้ว มืดมาเชียว นี่ก็เร่งเดินลงเขาให้ทันก่อนฝนจะตก และในที่สุดเราก็เดินลงเขาได้ทันก่อนที่ฝนจะตก โชคดีมากๆ เลยค่ะ ก่อนจะเดินขึ้นเขาต้องคอยดูเรื่องฟ้าฝนกันให้มากๆ ด้วยนะคะจะได้เดินอย่างสบายใจไม่ต้องรีบเร่งเหมือนเรา ที่สำคัญเลยเวลาเดินขึ้นเขาไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนสัตว์ป่าและไม่ทิ้งขยะไปทั่วด้วยค่ะ มาที่นี่ได้ทั้งเต็มอิ่มกับธรรมชาติ ได้รับออกซิเจนอย่างเต็มปอด เหมือนได้ชาร์จพลังงานให้ตัวเอง อีกทั้งยังได้ความรู้วรรคดีไทยกลับไปอีก ใครที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวในวันหยุดอยู่นั้นให้วนอุทยานเขานางพันธุรัตเป็นตัวเลือกหนึ่งของคุณ ที่คุณมาแล้วจะหลงรักโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ