พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบตมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงมีพระราชดำริในวันที่ 12 กันยายน .พ.ศ.2533 ให้มูลนิธิชัยพัฒนาสำนักงานกปร.กรมชลประทานและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมกันศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับขยะมูลฝอย และน้ำเสียในชุมชนที่มีผลต่อป่าชายเลนด้วยวิธีทางธรรมชาติ และรักษาธรรมชาติดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 เป็นต้นมาที่ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรีมีเนื้อที่ 642 ไร่ ในปี พ.ศ. 2549 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีได้พระราชทานกระแสรับสั่งจัดตั้งศูนย์บริการวิชาการภายในพื้นที่โครงการวิจัยและพัฒนาแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ป่าชายเลนเสมือนสถานที่บำบัดน้ำเสีย ก่อนที่น้ำนั้นจะไหลลงสู่ทะเล พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบตอดุลยเดชมหาราชทรงมีพระราชดำริเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะในอดีตที่นี่พบกับปัญหาน้ำเน่าเสียไม่สามารถนำมาใช้ได้เลย ในส่วนของเส้นทางธรรมชาติมีระยะทาง 850 เมตร เต็มไปด้วย ต้นโกงกาง ต้นแสม ความอุดมสมบูรณ์ทำให้เราได้เห็นปูแสม ปูก้ามดาบและนกนานาชนิดตอนผู้เขียนไปเป็นเวลาน้ำขึ้นค่ะจึงไม่ได้เห็นปลาตีนเจ้าถิ่นแห่งป่าชายเลน เขาว่ากันว่าที่นี่เป็นแหล่งดูนกติดอันดับของเมืองไทยเลยค่ะ พอไปถึงจะมีรถรางมารับเข้าไปภายในโครงการเพื่อดูการบำบัดน้ำเสียพาเข้าไปส่งที่ป่าชายเลนหรือจะเช่าจักรยานก็ได้นะคะคันละ 20 บาท 3 ชม.ค่ะ แต่สำหรับผู้เขียนเลือกนั่งรถรางค่ะ ด้วยอายุที่มากนิดหน่อยพอลงรถรางมาเดินตามเส้นทางธรรมชาติได้จนถึงสุดปลายสะพาน ณ.จุดนี้เป็นมุมมหาชนจุดไฮไลต์สำคัญต้องได้ถ่ายรูปนะคะ เดี๋ยวจะถือว่ามาไม่ถึงแหลมผักเบี้ยนะคะ โครงการวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริหนึ่งในหลายพันโครงการ สืบเนื่องมาจากพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบตมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชด้วยเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาที่จะยังคงอยู่กับพวกเราคนไทยตราบนานเท่านาน เส้นทางการเดินทางไปมาทางตัวเมืองเพชรบุรีมุ่งตรงไปเส้นทางหาดเจ้าสำราญถึงวงเวียนหาดเจ้าสำราญ-บ้านลาด เลี้ยวซ้ายไปประมาณอีก 5 กิโลถึงแหลมผักเบี้ยค่ะ Cr.ภาพถ่ายโดยผู้เขียนค่ะ ข้อมูลและประวัติโครงการแหลมผักเบี้ยนำมาจากเวปไซด์มูลนิธิชัยพัฒนาค่ะขอบคุณมากค่ะ