สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าบันทึกการเดินทาง1วันในพิจิตร ให้คุณผู้อ่านได้ฟังกัน มันอาจจะทำให้คุณอยากรู้จักกับจังหวัดพิจิตร เมืองน่ารักแห่งนี้มากขึ้น มาค่ะ เริ่มกันที่การเดินทาง โดยรถยนต์ส่วนตัวก็จะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. ถือว่าไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก เราอาจจะคุ้นหูกันกับชื่อเมืองชาละวัน เมื่อขับรถเข้าเขตจังหวัดพิจิตร ก็จะเห็นปูนปั้นรูปจระเข้ที่ยืนเรียงรายอยู่ตามถนน คอยยิ้มต้อนรับทุกท่านผู้มาเยือน และบางคนยังคงสงสัยที่ว่าพิจิตรตั้งอยู่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน สรุปแล้วอยู่ภาคไหนกันแน่ ขอเฉลยอย่างมั่นใจเพราะเคยค้นหาคำตอบมาแล้วเช่นกัน คำตอบคือตั้งอยู่ในภาคกลางค่ะ ทีนี้มาดูกันว่าในหนึ่งวันผู้เขียนจะนำท่านผู้อ่านไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างในจังหวัดพิจิตร เริ่มกันที่แรกที่ วัดท่าหลวง (พระอารามหลวง) กราบนมัสการขอพร หลวงพ่อเพชร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ พระคู่บ้านคู่เมืองพิจิตร ซึ่งตามประวัติมีอายุมากกว่า 800 ปี วัดท่าหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ซึ่งในทุกปีจะมีการจัดงานประเพณีแข่งขันเรือยาวที่น่าตื่นตาและสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง ร้านกินเตี๊ยว วังจันทร์ ครั้งแรกที่ผู้เขียนได้รู้จักกับร้านแห่งนี้ เป็นเพราะว่าขับรถผ่านออกมาจากตัวเมืองพิจิตรไม่ไกลนัก สังเกตเห็นร้านอะไรนะ รถจอดเรียงรายอยู่เต็มข้างถนน จึงไม่พลาดที่จะแวะชิม ร้านเป็นสไตล์เรียบ ๆ โล่ง ๆ ลมโกรก ที่นั่งสบายและสะอาด ก๋วยเตี๋ยวที่นี่เด็ดมาก ทั้งน่าตาอาหารและรสชาติจัดว่าดีเยี่ยม เมนูที่สั่งทานวันนี้ก็คือเกี๊ยวกรอบต้มยำ ที่ใส่มาครบเครื่อง ทั้งหมูสับ ตับ และปูอัด ซึ่งจัดว่าเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน ส่วนอีกเมนูก็คือก๋วยเตี๊ยวน้ำตกรวมหมู ซึ่งรวมไว้ทั้งหมูหมัก หมูเด้ง หมูสไลด์ หมูตุ๋น หมูสับ ตับ และลูกชิ้น เรียกได้ว่าจัดเต็มเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้ยังมีอีกหลากหลายเมนูซึ่งเด็ดไม่แพ้กันรอทุกท่านอยู่ ใครมาต้องแวะทานนะคะ ห้ามพลาดร้านนี้ หลังจากอิ่มท้องเราก็เดินทางต่อมายัง วัดโพธิ์ประทับช้าง ซึ่งเป็นวัดโบราณเก่าแก่ สร้างในสมัยพระเจ้าเสือ และยังถือเป็นโบราณสถานสำคัญคู่เมืองพิจิตร ใครมาถึงแล้วก็อย่าละเลยที่จะเข้าไปกราบสักการะขอพรหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ภายในพระอุโบสถนะคะ ขับต่อมาไม่นานนักเราก็มาถึง วัดท้ายน้ำ ( วัดเก่าหลวงพ่อเงิน ) ท่านจะได้พบกับหลวงพ่อเงินองค์ใหญ่ ที่ตั้งเด่นตระหง่าน มองเห็นได้ชัดจากไกล ๆ ยิ่งใหญ่และงดงามมาก และที่นี่ก็มีประวัติเรื่องราวอดีตมากมายที่เกี่ยวกับหลวงพ่อเงินในเราได้ศึกษา ทั้งยังมีศาลาโบถส์ไม้หลังเก่า รวมถึงต้นโพธิ์เก่าแก่ที่หลวงพ่อเงินได้ปลูกไว้อยู่ที่นี่อีกด้วย ภายในบริเวณวัดกว้างขวางและร่มรื่นเหมาะแก่การเดินเที่ยวชม วัดบางคลาน ( วัดหิรัญญาราม ) ขึ้นชื่อว่ามาถึงพิจิตรแล้ว หากไม่ได้แวะมาวัดบางคลาน คงจะถือว่ามาไม่ถึง เพราะหากพูดกัน คงไม่มีผู้ใดที่ไม่เคยได้ยินเรื่องบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงิน ซึ่งโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองไทยและในต่างแดน ทำให้มีผู้มากราบเคารพบูชาขอพรกันอย่างไม่ขาดสาย และก่อนจะลงจากโบสถ์ แนะนำให้เดินตีระฆังรอบโบสถ์ให้ครบ ตามความเชื่อ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยจะได้ดีมีชื่อเสียงกันทุกท่านคะ คราวนี้อิ่มบุญแล้ว แต่ท้องเริ่มหิว เราจึงแวะพักทานอาหารกันที่ตลาดโพธิ์ทะเล ซึ่งก็จะมีให้เลือกมากมายหลายร้าน ทั้งก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวมันไก่ รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง เดินทางต่อจากตลาดโพธิ์ทะเลมาไม่ไกล เราก็เห็นป้ายน่ารัก ชื่อ ลาวเวียงCoffee สะดุดตา สะกดใจขนาดนี้มีหรือจะไม่จอดแวะ ร้านนี้เป็นร้านกาแฟสดขนาดกำลังดี เราเปิดประตูเข้าไปพบกับแอร์ที่เย็นเฉียบ พร้อมพบกับเจ้าของร้านที่น่ารักอัธยาศัยดีพร้อมให้บริการอยู่ที่หลังเค้าเตอร์ เมนูที่ร้านมีให้เลือกทั้งเค้กและเครื่องดื่มหลากหลายเมนู ระหว่างนั่งพักเหนื่อย เราก็ได้ลองหยิบห่อขนม ชื่อสุดเก๋ “กล้วยติดหนึบ บ้านไร่ข้าวหอม” มาลองชิม ขอบอกว่าไม่เคยกินกล้วยตากแบบนี้จากที่ไหนมาก่อน เพราะมีลักษณะเป็นแท่งบาง รสชาติหวานกำลังดี หยิบกินไม่เลอะมือ ด้วยความสงสัยจึงถามพี่เจ้าของร้าน เธอจึงพาเราไปที่โดมพาราโบลาหลังสีขาวขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ตากเต็มแน่นไปด้วยกล้วยติดหนึบ มองดูสะอาดตา โดยกล้วยน้ำหว้าที่ใช้ก็รับซื้อมาจากชาวบ้านในพื้นที่ และ 100% ความหวานมาจากธรรมชาติ ไม่มีแต่งเติม เมื่อได้เห็นกรรมวิธีการผลิต ก็อดใจไม่ได้เหมามา10ห่อ ไว้ส่งต่อให้ครอบครัวและเพื่อน ๆ ได้ทานกัน ใครได้กินก็พูดแบบเดียวกันว่าเข้าใจแล้ว ทำไมจึงชื่อกล้วยติดหนึบ เพราะมันหยุดกินไม่ได้นี่เอง และหากอยากลองชิม ก็สั่งกันได้เลยที่เพจ facebook : กล้วยติดหนึบ บ้านไร่ข้าวหอม ทางร้านก็จะจัดส่งไปรษณีย์ไปให้ค่ะ และแล้วการเดินทางหนึ่งวันของเราก็จบลงไปพร้อมกับพระอาทิตย์สีแดงที่ค่อยๆลาลับฟ้า คืนนี้เราเลือกไปพักกันที่โรงแรมในเมืองพิจิตร ก่อนที่จะเข้าโรงแรมเราก็ไม่พลาดที่จะแวะชิมตามร้านอาหารริมทางต่าง ๆ ซึ่งหาทานได้ตลอดทางในตัวเมือง ปิดท้ายด้วยโรตีมื้อดึก เป็นอันจบสมบูรณ์สำหรับวันนี้ โดยพรุ่งนี้เรามีแพลนเดินทางกันไปต่อที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ไว้จะเขียนเล่าให้ฟังในครั้งหน้านะคะ สุดท้ายแล้วการได้เที่ยวพิจิตรในหนึ่งวันในครั้งนี้ ทำให้รู้ว่าจังหวัดพิจิตรมีที่เที่ยวที่น่าสนใจ วัดที่สวยงามอีกมากมาย ที่ผู้เขียนไม่อาจไปได้ครบในหนึ่งวัน วิถีชาวบ้าน ร้านค้าริมทาง ก็ยังคงมีเสน่ห์ในตัวเอง หากใครได้ผ่านไปก็ลองแวะเที่ยว แวะพักกันสักคืนนะคะ อย่าทิ้งพิจิตรไว้เพียงแค่เมืองทางผ่าน เพราะยังช่วยกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปสู่ชุมชน หนุนให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้โดยตรงสู่ชาวบ้านอีกทางค่ะ รูปภาพประกอบโดย ผู้เขียน