เมืองชาละวัน แข่งขันเรือยาว ข้าวเจ้าอร่อย ส้มท่าข่อยรสเด็ด หลวงพ่อเพชรรวมใจ บึงสีไฟลือเลื่อง ยอดพระเครื่องหลวงพ่อเงินไม่ได้กลับมาเที่ยวนานมากสำหรับจังหวัดพิจิต จังหวัดที่ผู้เขียนเคยเรียนเมื่อตอนมัธยมปลาย ผ่านไปหลายปีดูมีการพัฒนาขึ้นเยอะมาก บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร แหล่งท่องเที่ยวจุดแลนด์มาร์คของจังหวัดพิจิตร แหล่งท่องเที่ยวน้ำจืดที่มีจระเข้ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชม วันนี้ขอพาทุกคนมาเที่ยวชมบึงสีไฟกันค่ะบึงสีไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวอยู่ในตัวเมืองพิจิตรดูแลโดยเทศบาลเมืองพิจิตร ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์ราชการ โรงเรียนและห้างสรรพสินค้า เข้ามาด้านในจะเจอรูปปั้นพระยาชาละวัน จระเข้ตัวใหญ่โดดเด่น นักท่องเที่ยวที่แวะมาก็จะต้องถ่ายรูปมุมนี้ เป็นรูปปั้นจระเข้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกและบันทึกในกินเนสส์บุ๊ก (Guinness Book of World Records) ความยาวประมาณ 38 เมตร สูงประมาณ 5 เมตรและกว้าง 6 เมตร ตามตำนานเรื่องไกรทอง ที่เล่าว่ามีจระเข้ใหญ่ชื่อพญาชาลวัน เคยอาละวาดกินผู้คน และในที่สุดถูกไกรทองปราบลงข้างในตัวจระเข้าเป็นห้องประชุมแต่ปัจจุบันได้ปิดห้องประชุมไปแล้วและไม่ได้ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปแต่ยังสามารถถ่ายรูปด้านนอกได้ถัดจากพื้นที่จระเข้าตัวใหญ่จะเป็นศาลากลางน้ำ เป็นศาลาทรงไทยมีมีรูปปั้นพระยาชาละวันตอนเป็นจระเข้ประกบอยู่สองข้างของสะพานด้วย นักท่องเที่ยวสามารถมายืนให้อาหารปลาสามารถมาให้ได้ที่ศาลานี้ แถมยังเป็นศาลาที่รับลมได้ดีเลยค่ะถัดจากศาลากลางน้ำ เรามาจุดที่ตื่นเต้นที่สุดกันแล้ว นั่นก็คือบ่อจระเข้ บ่อนี้จะมีทางเดินลงไปในบ่อจระเข้แต่มีรั้วรอบขอบชิดปลอดภัยนะคะ แต่มีกฏข้อปฏิบัติอยู่ว่า ห้ามให้อาหารจระเข้ นอกเหนือจากอาหารที่ทางบึงสีไฟมีขายอยู่ด้านหน้าทางเข้าบ่อ เพราะบางครั้งพบว่านักท่องเที่ยวนำอาหารมาเอง และอาหารบางอย่างส่งผลเสียกับตัวจระเข้ค่ะจุดโดดเด่นอีกจุดหนึ่งคืออาคารสถานแสดงภัณฑ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ หรือเรียกว่าศาลาเก้าเหลี่ยม เป็นอาคารที่มีลักษณะโครงสร้างเป็นเก้าเหลี่ยม เป็นจุดแสดงพิพิธภัณฑ์ปลาน้ำจืดที่กรมประมงเป็นผู้ดูแลเพาะเลี้ยง ภายในประกอบด้วยตู้แสดงพันธุ์ปลามากกว่า 20 ชนิด และมีการสับเปลี่ยนชนิดของปลาเป็นประจำจุดโดดเด่นในศาลาเก้าเหลี่ยมนอกจากพันธุ์ปลาน้ำจืดต่างๆแล้ว ด้านหน้าศาลาเก้าเหลี่ยมมีรูปสต๊าฟของจระเข้ ที่มาจากตัวจระเข้จริงที่เสียชีวิตและนำมาสต๊าฟให้ได้ชมกันด้วยจุดแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ปี 2566ซึ่งการกลับมาเที่ยวในครั้งนี้สิ่งแปลกใหม่ที่เจอก็คือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ กว้างขวางด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวที่เพิ่งสร้างเสร็จในปีนี้เอง ตอนที่ไปช่วงกลางเดือนมีนาคมยังอยู่ระหว่างปูหญ้าใหม่ๆยังไม่ได้เปิดเป็นทางการสักเท่าไหร่ แต่ก็ดูสวยงามสบายตามาก คาดว่า ณ ตอนนี้ทางเทศบาลเมืองพิจิตรได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาบริเวณสวนแห่งนี้อย่างเป็นทางการแล้ว ทางเทศบาลเมืองพิจิตรปรับพื้นที่ตรงนี้เพื่อเป็นแหล่งรวมผู้คนแถวนี้ที่มาออกกำลังกายและพักผ่อนยามเย็น ถือเป็นหลายปีมากที่ไม่ได้เห็นการแปลงโฉมจุดท่องเที่ยวใหม่ๆที่บึงสีไฟแห่งนี้**ถ้าใครจะมาขอแนะนำให้มาช่วงตอนเย็นๆหน่อยนะคะ เพราะที่นี่เป็นลานหญ้ากว้างๆไม่มีร่มไม้หรือศาลาพักร้อน เพราะฉะนั้นตอนกลางวันร้อนมาก!! หลายคนอาจจะมองว่าจังหวัดพิจิตรไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยว แต่จริงๆแล้วจังหวัดเล็กๆแห่งนี้ก็มีจุดท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ประจำจังหวัดเหมือนกันนะคะ นอกจากบึงสีไฟแห่งนี้ก็ยังมีวัดท่าหลวงประดิษฐานองค์หลวงพ่อเพชร ประเพณีประจำปีการแข่งขันเรือชิงถ้วยพระราชทาน วัดโพธิ์ประทับช้างอุโบสถหลังงามที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตเก่าแก่ ฯการเดินทางมาที่บึงสีไฟ เส้นทางหลักที่จะมาง่ายหน่อยก็คือ ถ้าจากกรุงเทพก็มุ่งหน้าไปเส้นนครสวรรค์ จนถึงแยกหนองหัวปลวก เป็นถนนสี่เลนขับไปตามป้ายมุ่งไปจังหวัดพิจิตร จุดเด่นของจังหวัดพิจิตรอีกอย่างหนึ่งคือ ตามสี่แยกไฟแดงจะเห็นรูปปั้นจระเข้ขนาดใหญ่ยืนต้อนรับสวัสดีอยู่ นั่นแสดงว่าเข้าเขตเมืองชาละวันแล้วค่ะ บึงสีไฟ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตรGoogle Map: บึงสีไฟเวลาเปิด - ปิดวัน จันทร์ ถึง ศุกร์ 09.00 - 18.00 น.เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.00 - 19.00 น. เครดิตภาพปก :ภาพประกอบภาพปกโดยผู้เขียน [ออกแบบ/แก้ไขโดย ผู้เขียน] ผ่าน CANVA เครดิตภาพประกอบบทความ :ภาพประกอบบทความทั้งหมด โดยผู้เขียน เรียบเรียงโดย จอปอเบียร์ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !