การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นจากสนามบินนานาชาติดอนเมือง - สนามบินพิษณุโลก ใช้บริการหางแดงทั้งขาไป และขากลับ เราพักค้างคืน 1 คืน เนื่องจากต้องทำธุระด้วย ย่างกายลงจากเครื่องบินเป็นเวลาบ่ายสามตรง เย้!! ดีใจจังได้มาอีกแล้ว เมื่อเข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จพวกเราก็ใช้บริการ Grab car ให้ไปส่งที่พักข้างโรงพยาบาลพุทธชินราช ค่าเสียหาย 150 บาท ถ้วน หลังจากเช็คอินที่พัก และนอนพักร่างนิดหน่อย ก็ได้เวลาออกไปตระเวนไหว้พระ ขอพรให้จิตใจแจ่มใส สถานที่ที่เราไปมีทั้งหมด 3 สถานที่ ไม่ได้ไปไกลเลยเพราะเวลาไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "วัดใหญ่" ที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธชินราช พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเมืองสองแคว สถานที่ตั้ง ถนนพุทธบูชา ริมแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออก ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1900 รัชกาลพญาลิไท พระมหาธรรมราชาที่ 1 ถูกจัดเป็นวัดหลวงในรัชกาลที่ 6 พ.ศ. 2458 พระพุทธชินราช หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หลวงพ่อใหญ่" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย มีขนาดหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว (2.877 เมตร) สูง 7 ศอก (3.5 เมตร) ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารด้านตะวันตกในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก วัน และเวลา การเข้าสักการะ เปิดทุกวัน 6.30 น. - 18.00 น. ศาลสมเด็จพระนเรศวร พระราชวังจันทน์ ศาลสมเด็จพระนเรศวร สถานที่สำคัญอีกที่ของเมืองสองแคว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สร้างโดยกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2404 สถานที่ตั้ง พระราชวังจันทน์ อยู่ติดกับค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพภาคที่ 3 ถนนวังจันทน์ เข้ามาก็จะเห็นรูปปั้นไก่วางเต็มไปหมด นั่นคือการแก้บนค่ะ จะแก้บนด้วยรูปปั้นไก่ แต่เราไม่ค่อยบนบานกับองค์พระนเรศวร ส่วนใหญ่จะขอพร มากี่ครั้งก็ขอพรข้อเดียวเลยค่ะ (ไม่บอกหรอกว่าขออะไร) วันและเวลาทำการ เปิดวันอังคาร- วันอาทิตย์ 09.00 น. - 16.00 น. วัดวิหารทอง ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ วัดวิหารทอง สถานที่ตั้ง ถนนเทพารักษ์ ฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันตก และตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระราชวังจันทน์ ไม่ไกลจากศาลสมเด็จพระนเรศวร ปัจจุบันถูกจัดตั้งให้เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ วัดวิหารทอง เป็นวัดเก่าแก่ที่ก่อสร้างด้วยศิลาแลง ไม่ได้เป็นวัดที่สมบูรณ์ จะเหลือเพียงแค่อิฐศิลาแลง ประกอบด้วย พระปรางค์ ทำหน้าที่เป็นเจดีย์ประธานของวัด พระอุโบสถ และพระวิหารตั้งอยู่ด้านข้างเป็นแนวแกนคู่ขนานกับพระปรางค์ วัดวิหารทองเป็นที่ประดิษฐานของ พระอัฏฐารส ซึ่งเป็นพระยืน สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในสมัยสุโขทัย เมื่อสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีการอัญเชิญพระอัฏฐารส มาประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพมหานคร เนื่องจากวิหารของวัดวิหารทองชำรุดทรุดโทรมมาก เมื่อมีการอัญเชิญองค์เดิมไปแล้ว ทางกรมศิลปากรจึงได้สร้างองค์จำลองมาประดิษฐานไว้แทนองค์เดิม ทุกครั้งที่เรามาพิษณุโลกจะต้องมาสถานที่นี้ทุกครั้ง รู้สึกใจชื้น สมองปลอดโปร่งทุกครั้งที่มา ถ้ามีโอกาสก็อยากมาอีกเรื่อย ๆ จะมีใครเป็นเหมือนเราบ้างไหมนะ มันจะมีสถานที่นึงแหละที่ไปครั้งแรก แล้วรู้สึกแบบนี้ เรามาสามสถานที่นี้ครั้งแรก เราก็รู้สึกดีแปลก ๆ แบบบอกไม่ถูก ในใจมันว่างเปล่าไปหมด ไม่มีความคิดอะไรในหัว เหมือนสมองหยุดทำงาน แล้วหลั่งแต่สารของความสุข และอยากมาอีกเรื่อย ๆ คล้าย ๆ กับการตกหลุมรักใครสักคน จะบรรยายยังไงดีให้ตรงกับความรู้สึกที่เรามี เอาเป็นว่าจบทริปกันดีกว่าเนาะ ถ้ามีโอกาสได้ไป อย่าลืมมาแชร์กันบ้างนะคะ สวัสดีค่ะ